ธนบุรี บางพลัด ยื่นหนังสื่อเชิญชวนพรรรการเมืองร่วมคัดค้านสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

TP.22.6.64.2

วานนี้ 22 มิย. 64 ศูนย์สิทธิผู้บริโภคเขตบางพลัด เข้ายื่นหนังสือกับดร.จักรพันธ์ พรมนิมิตร สส.พรรคพลังประชารัฐ และศูนย์สิทธิผู้บริโภคเขตธนบุรี เข้ายื่นหนังสือกับนายทรงวุฒิ จันทร์อำนวยโชค สส.พรรคก้าวไกล เพื่อเชิญชวนร่วมคัดคัานการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ทั้งนี้จากแคมเปญผู้บริโภคกรุงเทพชวน สส. กทม. และพรรคการเมืองร่วมค้านต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวศูนย์สิทธิผู้บริโภคเขตสายไหม และชมรมคุ้มครองผู้บริโภคเขตคันนายาว ร่วมเสนอความเห็นว่า หากจะต่อสัญญาสัมปทานล่วงหน้าต้องใช้ราคา 25 บาท เท่านั้น และหากไม่ต่อสัญญาสัมปทาน ขอให้ใช้อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว 44 บาท ตลอดสายตามสิทธิของบริษัทในสัญญาสัมปทานนับแต่ปัจจุบันจึงปี พ.ศ. 2572 โดยมีการจัดเก็บค่าโดยสารเริ่มต้น 15 บาททั้งสัมปทานเดิมส่วนต่อขยายเดิมและส่วนต่อขยายใหม่ เพื่อยึดหลักการเข้าถึงและคำนึงถึงปัญหาความเดือดร้อนและภาระเกินสมควรของผู้บริโภค

46015

240504

พิมพ์ อีเมล

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จี้ ‘ศึกษาธิการ – คมนาคม’ เร่งจัดการปัญหารถรับส่งนักเรียนหวั่นอันตรายเกิดซ้ำ

school bus5

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เรียกร้อง ‘ศึกษาธิการ – คมนาคม’ เร่งจัดการปัญหารถรับส่งนักเรียนอันตราย ชี้ถึงเวลาเอาจริงหยุดผักชีโรยหน้า แก้ปัญหานักเรียนเจ็บตายบนท้องถนน พร้อมเสนอเพิ่มตัวชี้วัดจังหวัดหากเกิดเหตุซ้ำซากต้องลงโทษทันที

จากกรณีอุบัติเหตุรถสองแถวหกล้อรับส่งนักเรียนโรงเรียนดงบังพิสัยนวการนุสรณ์ เสียหลักพลิกคว่ำรับเปิดเทอมบริเวณสามแยกด้านหน้าทางเข้าโรงเรียน ตำบลดงบัง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ทำให้มีเด็กนักเรียนบาดเจ็บกว่า 37 คน อาการสาหัสอีก 4 คนนั้น

คงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ประสานงานโครงการขนส่งมวลชนที่ปลอดภัยและเป็นธรรม มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า สถานการณ์อุบัติเหตุรถรับส่งนักเรียนในปีนี้มีความรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา จากข้อมูลการเฝ้าระวังสถานการณ์รถรับส่งนักเรียนไม่ปลอดภัย โดยศูนย์วิชาการความปลอดภัยทางถนน และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคระบุว่า เพียง 6 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-มิถุนายน) เกิดอุบัติเหตุรถรับส่งนักเรียนมากถึง 8 ครั้ง มีนักเรียนบาดเจ็บมากถึง 134 คน และเสียชีวิต 2 คน เกือบทั้งหมดมีสาเหตุจากความประมาทของผู้ขับรถรับส่งนักเรียน และสภาพรถรับส่งนักเรียนที่ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งนอกจากจะมีสาเหตุจากการขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสแล้ว ยังพบว่ารถคันดังกล่าววิ่งรับส่งนักเรียนโดยไม่ได้ขออนุญาตเป็นรถรับส่งนักเรียน รวมถึงสภาพรถยังไม่มั่นคงแข็งแรง กล่าวคือ โครงสร้างรถที่ส่วนควบกระเด็นออกจากตัวรถไม่สามารถป้องกันแรงกระแทกให้กับนักเรียนที่โดยสารมาได้ ส่วนนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการปล่อยให้นักเรียนนั่งบนหลังคารถเป็นทั้งสิ่งที่ผิดกฎหมายและเป็นอันตรายร้ายแรงสูงสุดที่ต้องห้ามโดยเด็ดขาด

ผู้ประสานงานโครงการขนส่งมวลชนที่ปลอดภัยและเป็นธรรม กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ข้างต้นจึงต้องการเรียกร้องให้โรงเรียนและขนส่งจังหวัดแสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากปล่อยให้มีการใช้รถที่ผิดกฎหมายมารับส่งนักเรียนจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่ตอกย้ำความเสี่ยงของนักเรียนทุกวันนี้ คือ รัฐขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ที่ผ่านมารัฐมุ่งแต่ออกกฎระเบียบให้ทำตามแต่ไม่มีการประเมินว่าระเบียบปฏิบัติตามได้หรือไม่ อีกทั้งรัฐยังไม่มีข้อมูลตัวเลขจำนวนรถรับส่งนักเรียนที่แท้จริง เพราะยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ไม่นำรถมาขึ้นทะเบียนกับสำนักงานขนส่งแต่ละจังหวัด นอกจากนี้ บุคลากรที่เกี่ยวข้อง เช่น ครู ผู้ปกครอง นักเรียน หรือคนขับรถรับส่งนักเรียน ต่างยังขาดความเข้าใจและแรงสนับสนุนองค์ความรู้ที่ถูกตรงเกี่ยวกับการจัดการระบบรถรับส่งนักเรียนให้มีความปลอดภัย
“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ นั้นสะท้อนปัญหาที่เกิดจากการใช้รถรับส่งนักเรียนที่ไม่ได้มาตรฐาน ระบบการจัดการ และการกำกับที่ขาดประสิทธิภาพ รวมถึงนโยบายการศึกษาที่ทำให้นักเรียนต้องเดินทางไกลขึ้น ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งเสริมความเสี่ยงของนักเรียนจากรถรับส่งนักเรียนที่ไม่ปลอดภัย” คงศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ จากปัญหาที่เกิดขึ้นมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคขอเรียกร้องกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงคมนาคมในฐานะหน่วยงานที่กำกับมาตรฐานความปลอดภัยรถรับส่งนักเรียนต้องแสดงความรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น พร้อมทบทวนมาตรการกำกับความปลอดภัยรถรับส่งนักเรียนขั้นสูงสุด ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เพื่อหยุดปัญหาลดเจ็บตายบนท้องถนนกับการเดินทางของนักเรียน พร้อมเสนอเพิ่มตัวชี้วัดจังหวัด หากเกิดเหตุซ้ำซากต้องลงโทษทันที เพราะมีการสูญเสียกันมามากพอแล้ว

ข้อเสนอต่อมาตรการรถรับส่งนักเรียนปลอดภัย มีดังนี้
          1. ขอให้กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้โรงเรียนต้องกำหนดยุทธศาสตร์และแผนความปลอดภัยเพื่อการเดินทางของนักเรียน เพื่อเป้าหมายความปลอดภัยสูงสุดของนักเรียนที่ต้องเดินทางด้วยรถรับส่งนักเรียน
         2. ขอให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดบทบาทให้โรงเรียนเป็นจุดจัดการงานรถรับส่งนักเรียนปลอดภัย โดยมีภารกิจสนับสนุนองค์ความรู้ และแนวทางการจัดการรถรับส่งนักเรียนปลอดภัยให้กับครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแนวทางติดตามประเมินผลการปฏิบัติการในทุกภาคเรียนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการทบทวนมาตรการให้เหมาะสมต่อไป
        3. ขอให้กระทรวงศึกษาธิการสนับสนุนนโยบายให้รัฐเป็นผู้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทางของนักเรียน โดยถือว่าหนึ่งในสวัสดิการด้านการศึกษาที่รัฐต้องจัดให้ เพื่อให้เด็กทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษาที่เป็นบริการของรัฐได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
        4. ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงคมนาคม บูรณาการความร่วมมือเพื่อปรับปรุงข้อกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติ และข้อมูลของสองหน่วยงานให้มีความสอดคล้องกันสามารถใช้ปฏิบัติได้จริง และกำหนดการเดินทางที่ปลอดภัยของนักเรียนให้เป็นแผนงานหลักของหน่วยงานระดับจังหวัด เช่น สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือ โรงเรียน เป็นต้น
       5. ขอให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนมีมาตรการให้ทุกจังหวัดต้องมีแผนยุทธศาสตร์หรือคณะทำงานด้านความปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียน โดยให้กำหนดโครงสร้างการเน้นการมีส่วนร่วมของคนทำงานที่ประกอบด้วย หน่วยงานท้องถิ่น นักวิชาการ และเครือข่ายผู้บริโภค เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดของนักเรียนที่ต้องเดินทางด้วยรถรับส่งนักเรียน และกำหนดตัวชี้วัดด้านความปลอดภัยการเดินทางของนักเรียน หากจังหวัดใดเกิดเหตุซ้ำซากต้องมีมาตรการลงโทษโดยทันที

พิมพ์ อีเมล

ชวนพรรคก้าวไกลร่วมคัดค้านต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

bangkrae ffc

ศูนย์สิทธิผู้บริโภคเขตบางแค พบสส.พรรคก้าวไกลชวนร่วมคัดค้านการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ข่าวเครือข่ายผู้บริโภคกรุงเทพมหานคร I> วันนี้ (11 มิย. 64) ที่ทำการพรรคก้าวไกล นางวรวรรณ ทัพกระจาย และตัวแทนศูนย์สิทธิผู้บริโภคเขตบางแค ได้เข้ายื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยมี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.กทม.เขตบางแค เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อเชิญชวนพรรคก้าวไกล ร่วมแสดงจุดยืนค้านการต่อสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และการขึ้นราคาค่ารถโดยสารที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคของกรุงเทพมหานคร เพื่อไม่ให้ ครม.นำเรื่องนี้เข้าพิจารณา โดยที่ยังไม่มีความชัดเจนของกรุงเทพมหานครที่จะแก้ไขนี้ หรือมีทางออกอื่นอย่างไรนอกจากขยายสัมปทานให้เอกชนเพื่อปลดหนี้แสนล้านของกรุงเทพมหานครเพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้จากแคมเปญผู้บริโภคกรุงเทพชวน สส. กทม และพรรคการเมืองร่วมค้านต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ศูนย์สิทธิผู้บริโภคเขตบางแค เสนอความเห็นว่า หากจะต่อสัญญาสัมปทานล่วงหน้าต้องใช้ราคา 25 บาท เท่านั้น และหากไม่ต่อสัญญาสัมปทาน ขอให้ใช้อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว 44 บาท ตลอดสายตามสิทธิของบริษัทในสัญญาสัมปทานนับแต่ปัจจุบันจึงปี พ.ศ. 2572 โดยมีการจัดเก็บค่าโดยสารเริ่มต้น 15 บาท ทั้งสัมปทานเดิมส่วนต่อขยายเดิมและส่วนต่อขยายใหม่ เพื่อยึดหลักการเข้าถึงและคำนึงถึงปัญหาความเดือดร้อนและภาระเกินสมควรของผู้บริโภค

พิมพ์ อีเมล

องค์กรผู้บริโภค ย้ำ รถไฟฟ้าเป็นบริการขนส่งมวลชน

news pic 30052021 greenmetro

องค์กรผู้บริโภค ถามย้ำ ครม. ประชาชนยังลำบากไม่พอหรือ ถึงซ้ำเติมด้วยการขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียวล่วงหน้าให้คนกรุงเทพต้องรับภาระไปอีก 30 ปี ย้ำรถไฟฟ้าเป็นบริการขนส่งมวลชน พร้อมเสนอราคาปัจจุบัน 44 บาทตลอดสาย หลังหมดสัญญาสัมปทานเหลือ 25 บาท

อ่านต่อ

พิมพ์ อีเมล

สภาฯ ผู้บริโภค เสนอเดินหน้านโยบายขนส่งมวลชนทุกคนขึ้นได้ ในวันคุ้มครองผู้บริโภคไทย

news pic 29042021 THconsumerprotectionday coverสภาองค์กรของผู้บริโภค ยืนยันรถไฟฟ้า 25 บาททำได้จริง หวังประชาชนใช้กลไกสภาองค์กรของผู้บริโภคเป็นตัวแทนผู้บริโภคในทุกด้าน พร้อมเสนอเดินหน้านโยบายขนส่งมวลชนทุกคนขึ้นได้ มีความเป็นธรรม ปลอดภัยทั่วประเทศ ในวันคุ้มครองผู้บริโภคไทย

อ่านต่อ

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน