ผู้บริโภคออกคำแถลงการณ์ สังคมไทยไม่ต้องมีฟรีทีวีจอดำ

28 มิ.ย. 55- ศาลแพ่ง  เวลา 14.00 น. ผู้ฟ้องคดีนั่นคือ  นางสาวสารี  อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค  พร้อมด้วย นางสาวบุญยืน  ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค นางสาวเรณู  ภู่อาวรณ์  นายขวัญมนัส  พูลมิน และนายเฉลิมพงษ์  กลับดี เข้ายื่นฟ้องต่อศาลแพ่งรัชดา ยื่นเรื่องฟ้องบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยที่ 1 กองทัพบก เป็นจำเลยที่ 2 บริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยที่ 3 และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด เป็นจำเลยที่ 4 กรณี ออกคำแถลงการณ์ “สังคมไทยไม่ต้องมีฟรีทีวีจอดำอีกต่อไป” รายละเอียดดังนี้

๑. ฟ้องคดีในฐานะส่วนตัว 

โจทก์ที่ ๑ เป็นเลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมไทยมานาน โจทก์ที่สองเป็นประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคซึ่งเป็นเครือข่ายขององค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ โจทก์ที่สามเป็นหัวหน้าศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดสมุทรสงคราม โจทก์ที่สี่เป็นผู้ประสานงานศูนย์คุ้มครองสิทธิจังหวัดราชบุรี โจทก์ที่ห้าเป็นหัวหน้าทนายอาสาของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โจทก์ไม่ได้ต้องการฟ้องคดีในฐานะส่วนตัวและมีความต้องการให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคช่วยดำเนินคดีแทนผู้บริโภคจำนวน ๑๑ ล้านครัวเรือนที่ไม่สามารถดูฟรีทีวีในครั้งนี้ได้ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ ไม่ได้ให้อำนาจหรืออนุญาตให้มูลนิธิฯ ดำเนินการฟ้องคดีแทนผู้บริโภคได้ซึ่งแตกต่างจากคดีปกครองและพ.ร.บ. ความรับผิดต่อสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๑ จึงจำเป็นต้องฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวที่เป็นผู้เสียหาย

การฟ้องครั้งนี้ขององค์กรผู้บริโภคไม่ได้ต้องการเพียงแค่การดูถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร แต่ในฐานะองค์กรที่ทำงานคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคเห็นว่าปรากฏการณ์จอดำครั้งนี้นับเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคมากกว่าครึ่งประเทศในการเข้าถึงบริการสาธารณะในการดูฟรีทีวี ซึ่งสถานีโทรทัศน์ในฐานะผู้รับใบอนุญาตให้บริการฟรีทีวีไม่ควรสมยอมกับเอกชนในการหยุดดำเนินการให้บริการสาธารณะกับผู้บริโภค และสัญญาใดที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยย่อมเป็นสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เอกชนย่อมกระทำไม่ได้

 

๒. พฤติการณ์ของจำเลย 

บริษัทแกรมมี่ได้ร่วมกันกับช่อง ๓, ๕ และ ๙ สมคบกันทำธุรกิจละเมิดสิทธิและเอาเปรียบผู้บริโภคในการเข้าถึงบริการสาธารณะฟรีทีวีอันเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้บริโภค ด้วยการตัดสัญญาณการถ่ายทอดรายการฟรีทีวีผ่านจานรับสัญญาณดาวเทียม ทั้งๆที่รู้ดีว่า ผู้บริโภคและประชาชนชาวไทยในฐานะผู้บริโภคสื่อมากกว่า ๑๑ ล้านครัวเรือนทั่วประเทศใช้การดูฟรีทีวีด้วยอุปกรณ์จานดาวเทียมที่ในปัจจุบันมีราคาถูกกว่าเสาอากาศแบบเดิมและคุณภาพดีกว่าอุปกรณ์ประเภทอื่นๆ ด้วยเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจกีดกันกันเข้าถึงสิทธิพื้นฐานของผู้บริโภคในการรับชมฟรีทีวีเพื่อให้ได้มาซึ่งการขยายฐานลูกค้าและช่องทางการจำหน่ายกล่องรับสัญญาณดาวเทียม GMMZ  ในราคาประมาณ ๑,๕๙๐ บาท ของตนเองได้ ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนเสียหายจากการปิดกั้นผู้บริโภคมิให้เข้าถึงฟรีทีวี โดยหวังประโยชน์ในการขายกล่องสัญญาณดาวเทียม GMMZ ซึ่งมียอดจำหน่ายไม่น้อยกว่า ๘๐๐,๐๐๐ กล่องในปัจจุบัน เป็นมูลค่าสูงถึง ๑,๒๗๒ ล้านบาท  ขณะที่ค่าธรรมเนียมกล่องสัญญาณรวมค่าภาษี เพียง ๒๑๔ บาทเท่านั้น นอกจากนี้ GMMZ ยังได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น สปอนเซอร์ ค่าโฆษณาสินค้าในรายการฟรีทีวี อีกมากมาย

การอ้างการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่ได้มา มีเพียงข้อห้ามเรื่องการเผยแพร่และทำซ้ำ แต่ระบบลิขสิทธิ์มีขึ้นมาเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความคุ้มครองเจ้าของสิทธิและผลประโยชน์สาธารณะและการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาทั้งของไทยและต่างประเทศต่างกำหนดข้อยืดหยุ่นเพื่อไม่ให้การคุ้มครองสิทธิ  มารุกล้ำสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การศึกษาและประโยชน์ของสาธารณะ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้จะมีความพยายามในการแก้ไขเพื่อคุ้มครองเจ้าของสิทธิให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นภายใต้ข้อตกลงใหม่ (Anti Counterfeit Trade Agreement, ACTA) จนกระทบสิทธิผู้บริโภค ก็ยังไม่สามารถใช้บังคับได้ในประเทศไทยและแม้แต่สหภาพยุโรปซึ่งเป็นผู้ผลักดันการเจรจา ล่าสุดคณะกรรมาธิการค้าสหภาพยุโรปก็มีมติไม่เห็นด้วยกับความตกลงดังกล่าว เพราะเห็นว่าความตกลงใหม่นี้ละเมิดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ความรู้ของประชาชนผู้บริโภค

 

๓. หน่วยงานที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องโดยตรงไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้จริง 

นับตั้งแต่วันที่ ๘ มิถุนายนจนถึงวันฟ้องคดี(วันที่ ๒๕ มิถุนายนที่ผ่านมา) โจทก์ได้มีบทบาทและดำเนินการเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องทั้งหลายแก้ปัญหาการเข้าถึงบริการสาธารณะ กรณีบริการฟรีทีวี(จอดำของฟุตบอลยูโร) ให้ทำงานตามกฎหมายและบทบาทของตนเองอย่างเต็มที่ เช่น การจัดประชุมองค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ๓๐๒ องค์กรเพื่อพิจารณาเรื่องนี้และทำจดหมายถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) จำนวน ๒ ฉบับเพื่อเรียกร้องให้แก้ปัญหาจอดำ และมีคำสั่งทางปกครองกับช่อง ๓ , ๕ และ ๙ และบริษัทแกรมมี่เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้แต่ไม่สามารถดำเนินได้เพียงและกรรมการกสท.ที่เห็นด้วยกลับเป็นเพียงเสียงข้างน้อย พร้อมทั้งได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหากับคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภคของสภาผู้แทนราษฎร การจัดประชุมร่วมกับนักวิชาการและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) การเข้าพบเพื่อขอความร่วมมือและหาทางออกเรื่องนี้กับผู้บริหารระดับสูงของสคบ.

การจัดเวทีด้วยตนเอง การมีส่วนร่วมกับการจัดเวทีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง การสื่อสารสาธารณะเท่าที่มีโอกาสและช่องทางเอื้ออำนวยในเรื่องนี้ และเมื่อเห็นว่าไม่มีความคืบหน้าใดๆในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ได้ดำเนินการร้องเรียนเพื่อให้มีการตรวจสอบการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของ กสท. ผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ผลการตรวจสอบการละเลยการปฏิบัติหน้าที่อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิผู้บริโภคพื้นฐานในการเข้าถึงฟรีทีวีในครั้งนี้ได้ และยังมีผู้เสียหายสองกลุ่มที่เป็นผู้บริโภคทั่วไปได้ดำเนินการใช้สิทธิฟ้องคดี กสท.ต่อศาลปกครองกลาง แต่ไม่มีคำสั่งให้มีการคุ้มครองชั่วคราวให้แก้ปัญหาและคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคได้

กลุ่มองค์กรผู้บริโภคโจทก์ทั้งห้าจึงได้มีมติดำเนินการสองเรื่องที่สำคัญคือ ๑. นำเรื่องมาฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้มีการคุ้มครองก่อนมีคำพิพากษา ๒. การบอยคอตสินค้าและบริการของบริษัทแกรมมี่ทั้งหมด

ซึ่งนั่นคงเป็นคำตอบได้อย่างดีว่า ทำไมถึงเพิ่งจะมาฟ้องเพราะฟุตบอลใกล้จะจบแล้ว เกือบสามอาทิตย์ที่ผ่านมาผู้บริโภคหมดเวลาไปกับการกดดันให้กลไกหน่วยงานของรัฐทุกส่วนได้ทำหน้าที่ แต่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามกฎหมายหรือทำหน้าที่บกพร่อง ไม่มีประสิทธิภาพ มีเพียงกสท.เสียงข้างน้อยที่ต้องการให้มีการดำเนินการแก้ปัญหาการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคเท่านั้น ผู้บริโภคประชาชนจึงไม่มีที่พึ่งที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนจึงนำคดีมาสู่ศาลเพื่อให้คุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคในเรื่องนี้

 

๔. องค์กรผู้บริโภคต้องการอะไรในการฟ้องคดี 

เพื่อให้ศาลคุ้มครองสิทธิพื้นฐานของผู้บริโภคในการดูฟรีทีวี และห้ามการกระทำละเมิดผู้บริโภคมากกว่า ๑๑ ล้านครัวเรือนในการดูฟรีทีวี ซึ่งมีมาก่อนการทำสัญญาบุคคลของแกรมมี่ จะล้มล้างไม่ได้ หรือสัญญาบุคคลจะละเมิดสิทธิของการคุ้มครองผู้บริโภค(มหาชน)ไม่ได้

ชดเชยความเสียหายให้กับผู้บริโภคที่ฟ้องทั้งหมดคนละ ๑,๕๙๐ บาท ซึ่งต้องถือว่า เป็นความเสียหายที่น้อยมากเมื่อเทียบกับความเสียหายของผู้บริโภค ผลประโยชน์ที่ผู้ประกอบธุรกิจได้รับ สถานะทางการเงินของผู้ประกอบธุรกิจ

ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเชิงลงโทษเนื่องจากบริษัทแกรมมี่และช่อง ๓,๕และ๙ ทราบดีว่า ผู้บริโภคไม่น้อยกว่า ๑๑ ล้านครัวเรือนใช้ดาวเทียมเป็นอุปกรณ์ในการดูฟรีทีวี แต่จงใจให้ผู้บริโภคเสียหายและไม่นำพาต่อความเสียหายที่จะเกิดแก่ผู้บริโภค ทั้งๆ ที่สามารถจัดการในทางเทคนิคต่อการแพร่ภาพที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้

ขอให้มีคำแนะนำไปยังรัฐบาลให้เร่งผลักดันให้เกิดองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อเป็นกลไกเสริมให้สามารถคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคได้จริงในสังคมไทย

สุดท้ายปัจจุบันธุรกิจการแพร่ภาพและกระจายเสียง  ผ่านเทคนิคต่างๆ หลากหลายช่องทาง และเป็นธุรกิจอนาคตที่สามารถทำกำไรสูง  ดังนั้นผู้บริโภคจึงหนีไม่พ้นการถูกละเมิดสิทธิจากธุรกิจด้านนี้มากขึ้น  การฟ้องคดีในครั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบธุรกิจไปทำสัญญาเพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่ละเมิดสิทธิพื้นฐานของประชนส่วนใหญ่ในประเทศอย่างเช่นปัจจุบัน   และเพื่อให้เกิดคำตัดสินที่เป็นบรรทัดฐานในการเข้าถึงบริการฟรีทีวีในอนาคต  หากไม่ดำเนินการในครั้งนี้ก็มิสามารถป้องกันการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แบบซ้ำซากได้ 

พิมพ์ อีเมล