เร่งออก กม.แก้ปัญหา"เอสเอ็มเอส"กวนใจ ชวนซื้อของ-ทำประกัน

 

ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคุ้มครองผู้บริโภคเปิดเผยว่าจากกรณีผลการสำรวจความเห็นประชาชนของเอแบคโพลล์ที่ระบุว่าประชาชนเดือดร้อนรำคาญใจจากเอสเอ็มเอสขายสินค้า ดูดวง บริษัทประกันภัย

 ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จึงตระหนักถึงเรื่องนี้ และได้มีการหารือกันโดยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลพบว่ายังไม่มีกฎหมายห้ามโดยเฉพาะ ตนจึงได้ขอให้สคบ.หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้และนำเสนอกลับเข้ามาให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ในเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่าในกรณีเอสเอ็มเอสขายสินค้านั้น อาจจะใช้แนวทางของต่างประเทศ ที่ใช้วิธี DO NOT CALL CENTER  โดยสามารถแจ้งผ่านศูนย์ว่าจะไม่รับข้อมูลเหล่านี้

 ส่วนกรณีโทรศัพท์เชิญชวนทำประกันภัยนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า มีระเบียบที่ทุกคนไม่ค่อยทราบ ว่าผู้รับมีสิทธิถามว่าเอาเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวมาจากไหน และห้ามคนที่โทรมาแล้วเราปฏิเสธโทรซ้ำ ขณะเดียวกันกำลังหาที่มาของการได้ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าเป็นข้อมูลจากโอเปอเรเตอร์ ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะผลักดันกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ยอมรับว่ามีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะยังมีปัญหาเรื่องการจำกัดความคำว่า ข้อมูลส่วนบุคคล ว่าจะครอบคลุมแค่ไหน อย่างไร จึงต้องรอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้เสร็จก่อน 

                “ผมคิดว่าจะพยายามทำให้กฎหมายฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาในสมัยประชุมหน้า เพราะดูแล้วมีความจำเป็น เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลส่วนบุคคลถูกละเมิดกันมาก อย่างกรณีโทรศัพท์นี่ชัดที่สุด หรือแม้แต่กรณีที่เราเป็นเจ้าของรถยนต์อยู่ ๆ บริษัทประกันภัยรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้ และไม่ใช่รู้บริษัทเดียว รู้สามสี่บริษัทแล้วโทรมาขายประกัน บางทีขายสมาชิกโรงแรม สมาชิกสปา สมาชิกบัตรเครดิต เยอะมาก อย่างนี้ในต่างประเทศเขาถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ ผมเชื่อว่าทั้งสองเรื่องนี้น่าจะทำได้เลย ในเดือนกรกฎาคมนี้ก็น่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ เบื้องต้นได้ให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโอปะเรเตอร์ เจ้าของโทรศัพท์ทั้งหลาย ว่าเรื่องการคุ้มครองข้อมูลต้องทำ ขอความร่วมมือไปยังกรมการประกันภัยว่าให้กำชับไปยังบริษัทประกันภัยว่าอย่าทำอะไรในลักษณะที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญกับประชาชน” นายสาทิตย์ กล่าว 

                รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาสัญญาบัตรเครดิตที่มีการระบุว่า ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตสามารถหักบัญชีได้ทันทีที่เกิดหนี้ ผลกระทบที่ตามมาคือ การหักหนี้ดังกล่าวเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับได้ เพราะบางทีการไม่ชำระบัตรเครดิตเป็นเพราะมีหนี้แล้วไม่จ่าย แต่อาจเกิดจากหนี้เพราะบัตรหายแล้วอายัดไม่ทัน หรือถูกขโมย เรื่องนี้ต้องมีวิธีแก้ไขไม่ให้ธนาคารใช้สิทธิ์เหนือผู้ทำบัตรเครดิต ซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมอบให้คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ไปดูสัญญาที่ประชาชนทำกับบัตรเครดิต เข้าลักษณะสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ หรือเข้าลักษณะสัญญาที่ทำให้ผู้เป็นคู่สัญญาเสียเปรียบหรือไม่ โดยให้ศึกษาเรื่องนี้โดยเร็วเสนอต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในต้นเดือนกรกฎาคมนี้

  วันที่ 15/6/2009 นสพ.แนวหน้า

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน