จับตาพีกไฟฟ้า เม.ย. พุ่ง 23,600 MW‏

นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กล่าวถึงสถิติการใช้ไฟฟ้าของประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏมีปริมาณการใช้ไฟฟ้ารวม 12,354 ล้านหน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,482 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 13.64 ซึ่งเป็นผลจากสภาพอากาศที่เริ่มร้อนอบอ้าวเร็วกว่าปกติมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง และภาคอุตสาหกรรมมีการผลิตเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าในเดือนมีนาคมนี้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีก ทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาถึง 4 ครั้ง ซึ่งเดิมการใช้ไฟฟ้าสูงสุดจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ดังนั้น กฟผ.จะเฝ้าติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประเทศอย่างใกล้ชิด หากเกิดพีกพุ่งสูงขึ้นในช่วงหลังจากนี้อีก 2 เดือน เพื่อดูแลความมั่นคงในระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะช่วงระหว่างวันที่ 23 มีนาคม-1 เมษายน ที่ ปตท.จะหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในพม่า ปริมาณ 1,070 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน

ทาง กฟผ.จะเดินเครื่องเสริมด้วยน้ำมันเตาจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และเดินเครื่องน้ำมันดีเซลของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรี โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอยี่ และโรงไฟฟ้าราชบุรีพาวเวอร์ เข้ามาทดแทน นอกจากนี้ยังมีก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย JDA-B17 เข้ามาเพิ่มเติมอีก 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน กับโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 อีก 900 เมกะวัตต์


สำหรับพีกในเดือนเมษายน 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ 23,600 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,600 เมกะวัตต์ ทั้งนี้คาดการณ์ว่าการใช้ไฟฟ้า ทั้งปี 2553 น่าจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 5 ซึ่งเป็นการเติบโตที่สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศทึ่คาดการณ์ จะเติบโตร้อยละ 4.5


วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4192  ประชาชาติธุรกิจ

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน