สภาองค์กรผู้บริโภคเผยผลสำรวจผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร พบค้าเกินกำไร-กักตุน และไม่พบฉลากบนผลิตภัณฑ์

ฟ้าทะลายโจร 2

สภาองค์กรผู้บริโภคและเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เผยผลสำรวจผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร ช่วงโควิด พบผู้ขายค้ากำไรเกินควรเพียบ - กักตุน - ไม่แสดงฉลากบนผลิตภัณฑ์ ชงรัฐเร่งคุมราคาให้เป็นธรรม พร้อมฝากเตือนผู้บริโภคใช้เพื่อรักษาเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อป้องกันโควิด

       วันนี้ (24 สิงหาคม 2564) สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ในฐานะที่เป็นตัวแทนของผู้บริโภค ได้ร่วมกับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ได้แก่ หน่วยงานประจำจังหวัด 11 จังหวัด และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคใน 7 ภูมิภาค จัดแถลงข่าวเผยผลสำรวจ ‘การเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจร’ โดยสุ่มเก็บตัวอย่างจำนวน 527 ตัวอย่าง ตั้งแต่วันที่ 1 - 12 สิงหาคม 2564 จากร้านค้า 879 แห่งในพื้นที่ 37 จังหวัด ได้แก่
       • ภาคเหนือ 9 จังหวัด : เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ และน่าน
       • ภาคกลาง 4 จังหวัด : นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และสิงห์บุรี
       • ภาคใต้ 6 จังหวัด : กระบี่ ชุมพร ปัตตานี สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี
       • ภาคตะวันออก 5 จังหวัด : จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว สมุทรปราการ และระยอง
       • ภาคตะวันตก 7 จังหวัด : กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม นครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี
       • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด : ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และร้อยเอ็ด
       • กรุงเทพมหานคร 6 โซน : โซนศรีนครินทร์ โซนบูรพา โซนรัตนโกสินทร์ โซนธนบุรีเหนือ โซนธนบุรีใต้ และโซนเจ้าพระยา

           นอกจากนี้ ยังมีการเก็บข้อมูลมาจากการสำรวจผู้บริโภคที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจร จำนวน 2,074 คน ครอบคลุม 37 จังหวัด
โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ สอบ. กล่าวว่า จากการสำรวจและเฝ้าระวังสถานการณ์ผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรในช่วงสถานการณ์โรคระบาดของโควิดอย่างรุนแรง พบว่า ผู้บริโภคยังคงเผชิญกับปัญหาราคาผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรที่แพงเกินควร สินค้าปลอม สินค้าไม่แสดงฉลาก ฉลากไม่ครบถ้วน มีการกักตุนสินค้า ปัญหาโฆษณาเกินจริง และสินค้าขาดตลาด ทำให้ต้องมีการจำกัดปริมาณการซื้อ อีกทั้ง จากการสำรวจราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรแบบแคปซูล 500 มิลลิกรัม (ที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) จำนวน 101 ตัวอย่าง พบว่า มีราคาเฉลี่ย 2.57 บาทต่อแคปซูล ซึ่งมีราคาสูงกว่าราคากลางตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง กำหนดกลางยาแผนไทย พ.ศ. 2558 ที่กำหนดให้ขายเพียงแคปซูลละ 0.94 บาท (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) อีกทั้งในส่วนของผลสำรวจผู้บริโภคที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจร พบว่า ผู้ขายมีการปรับราคาจำหน่ายเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ เฉลี่ยร้อยละ 48.46 จากราคาเดิมที่ผู้บริโภคเคยซื้อเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เช่น เดิมเคยซื้อที่ราคากระปุกละ 120 บาท (60 แคปซูล) แต่ในเดือนสิงหาคม 2564 กลับซื้อได้ในราคา 160 บาท เพิ่มขึ้น 40 บาท เป็นต้น
       นอกจากนี้ จากผลสำรวจฯ ดังกล่าว พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ร้อยละ 93.8 มีความเห็นว่าราคาขายของผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรโดยเฉลี่ยที่ประชาชนซื้อได้ไม่ควรเกินแคปซูลละ 1.12 บาท (ราคาที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังนั้น สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงขอเสนอไปยังรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ให้จัดการกับร้านค้าที่ขายฟ้าทะลายโจรเกินราคา และขอให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ดำเนินการควบคุมกำกับราคาผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่รุนแรงมากในขณะนี้

ด้านจุฑา สังขชาติ เลขาธิการสมาคมผู้บริโภคสงขลา กล่าวว่า ในพื้นที่ภาคใต้มีการสำรวจสถานการณ์การจำหน่ายฟ้าทะลายโจร ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สตูล สงขลา ชุมพร กระบี่ และปัตตานี มีการสำรวจทั้งหมด 134 ร้าน เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 59 ตัวอย่าง พบว่า มีผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีในสารบบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวน 5 ตัวอย่าง ในจังหวัดสงขลา 2 ตัวอย่าง จังหวัดปัตตานี 2 ตัวอย่าง และจังหวัดสตูล 1 ตัวอย่าง และพบผลิตภัณฑ์ที่สวมทะเบียนอาหาร ที่ อย.แถลงข่าวแล้วก่อนหน้านี้ จำนวน 1 ตัวอย่างในจังหวัดสตูล ได้แก่ผลิตภัณฑ์ ตรา อินทารา รวมทั้งพบผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรที่ยังไม่ได้รับทะเบียนยาถูกต้อง จำนวน 1 ตัวอย่าง ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ตรา prajaub heabs นอกจากนั้น ยังพบผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเลขทะเบียนยา จำนวน 9 ตัวอย่าง ซึ่งมีทั้งที่เป็นการผลิตโดยวิสาหกิจชุมชน การผลิตใช้เองในชุมชน การแบ่งบรรจุ และการจำหน่ายในร้านยาแผนโบราณ เป็นต้น
         “เมื่อนำเลขทะเบียนไปค้นหาข้อมูลในฐานระบบของ อย. พบว่า ผู้บริโภคยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลทะเบียนยาของ อย. ในบางผลิตภัณฑ์ เนื่องจากทะเบียนดังกล่าวไม่มีการแยกบัญชีว่าเป็นสินค้าประเภทยาหรือสมุนไพร เช่น จากการสำรวจหาเลขทะเบียนของยาฟ้าทะลายโจรแคปซูล ตราม่ามี้ (G122/44) ไม่ปรากฎตราหรือยี่ห้อของผู้ผลิต ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสันและทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจในสินค้าที่จะบริโภคได้” เลขาธิการสมาคมผู้บริโภคสงขลา กล่าว

         ด้วยเหตุนี้จึงขอเสนอไปยัง อย. ให้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่จำหน่ายยาฟ้าทะลายโจรโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่แสดงฉลากให้ครบถ้วน แอบอ้างเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์อื่น และเร่งปรับปรุงระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้มีการแสดงข้อมูลบัญชีที่ถูกต้องและแยกประเภทอย่างครบถ้วน เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะซื้อผลิตภัณฑ์
ส่วนพวงทอง ว่องไว กลไกพื้นที่เขตภาคเหนือ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า ร้านขายยายังคงเป็นแหล่งที่ยังมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรมากถึงร้อยละ 82.8 รองลงมา คือ ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าชุมชน อื่น ๆ (ร้านค้าแผงลอย ร้านถ่ายเอกสาร สถานพยาบาล และผลิตเอง) และร้านค้าทั่วไป อย่างไรก็ตาม ยังพบว่าผู้ขายยังมีการกักตุนสินค้าในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ซึ่งเมื่อสอบถามร้านค้าและผู้ขายแจ้งว่าสินค้าหมด ทั้งที่หลังจากผ่านไม่กี่วันก็มีสินค้าจำหน่าย และจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น คือ เดิมขาย 80 บาท เป็นราคา 140 บาท จึงขอเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ และพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้า รวมถึงสำรวจสินค้าอื่น ๆ นอกจากฟ้าทะลายโจรที่มีการค้ากำไรเกินควร โดยอาศัยภาวะวิกฤตโควิดระบาดเอาเปรียบผู้บริโภค และตรวจจับเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

         ขณะที่ปาณิสรา ดวงภูมิเมศ กลไกพื้นที่เขตภาคตะวันตก สอบ. กล่าวว่า จากการสำรวจผู้บริโภคที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรเกี่ยวกับประสบการณ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจร พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 50 ปี และมีรายได้ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 15,000 บาทต่อเดือน ขณะที่วัตถุประสงค์หลักที่ผู้บริโภคเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจร คือ ร้อยละ 48.9 ใช้เพื่อการรักษาโรค (เมื่อมีอาการไข้ ไอ ตัวร้อน ท้องเสีย และเจ็บคอ) ต่อมาร้อยละ 44.1 ใช้เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน และรองลงมา ร้อยละ 6.2 ใช้ทั้งการรักษาและเสริมภูมิคุ้มกัน สุดท้าย ร้อยละ 0.6 ใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด ทั้งนี้ ผลจากการสำรวจจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคบางส่วนมีความเข้าใจผิดว่าผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันหรือเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต้านเชื้อไวรัสโควิดได้

        ดังนั้น รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับรูปแบบการสื่อสาร หรือจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้มีประสิทธิภาพในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเป้าหมายการใช้ผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรให้แก่ประชาชน เนื่องจากยังมีประชาชนบางส่วนที่เข้าใจว่าฟ้าทะลายโจรสามารถเสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ซึ่งจากบทความบนเว็บไซต์ของคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาล

        รามาธิบดี มหาวิทยามหิดล กล่าวถึงสรรพคุณของฟ้าทะลายโจรว่ามีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทย เพียงเพื่อใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอและเจ็บคอเท่านั้น อีกทั้งไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกันเกิน 3 วัน เนื่องจากอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้

        ส่วนปฏิวัติ เฉลิมชาติ กรรมการนโยบาย ผู้แทนเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สอบ. กล่าวว่า ผลสำรวจผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และร้อยเอ็ด พบว่า มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรในราคาที่สูง ขายเกินราคาและมีการค้ากำไรเกินควรในหลายพื้นที่ เช่น ในจังหวัดสุรินทร์มีการขายฟ้าทะลายโจรแคปซูลราคาสูงสุด ที่จำหน่ายถึงแผงละ 100 บาท (1 แผงมี 10 เม็ด) ซึ่งเฉลี่ยเท่ากับเม็ดละ 10.00 บาท
        “ภายใต้ภาวะการกักตุนสินค้า การจำหน่ายในราคาที่ไม่เป็นธรรม แต่ความต้องการของประชาชนมีเพิ่มขึ้น รัฐควรมีการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรในรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นของภูมิปัญญาชาวบ้านให้ขึ้นทะเบียนยาอย่างถูกต้อง อีกทั้งควรมีการส่งเสริมให้ประชาชนใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรอย่างแพร่หลายและถูกต้องตามหลักแพทย์แผนไทยและแพทย์สมัยใหม่” กรรมการนโยบาย ผู้แทนเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สอบ. กล่าว

        อย่างไรก็ตาม เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นได้นำเสนอสถานการณ์การขายยาฟ้าทะลายโจร ต่อคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้มีมาตรการต่อการควบคุมราคาและเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ
        ด้านสุภาวดี วิเวก กลไกเขตพื้นที่ภาคตะวันออก สอบ. กล่าวว่า ผลสำรวจผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรในพื้นที่ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว สมุทรปราการ และระยอง พบว่า ผู้บริโภคเจอปัญหาผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรมีราคาที่แพงเกินควร คิดเป็นร้อยละ 35.41 ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ซื้อผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรมาจากร้านขายยาโดยตรง และปัญหาของผู้บริโภครองลงมา คือ ปัญหาการกักตุนผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร คิดเป็นร้อยละ 17.88

       จากการพิจารณาถึงปัญหาทั้ง 2 ปัญหาข้างต้น พบว่า มีความเกี่ยวข้องกัน โดยเริ่มจากการกักตุนผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร เนื่องจากในปัจจุบันฟ้าทะลายโจรกำลังเป็นที่ต้องการของประชาชนอย่างมากและมีการผลิตที่ไม่เพียงพอต่อการของประชาชน ทำให้ขาดตลาด จนทำให้ราคาในท้องตลาดพุ่งสูงขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรออกพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้านราคาและปริมาณของสินค้าเป็นประจำเพื่อควบคุมราคาของผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรให้มีราคาตามที่กำหนด

        ขณะที่สันติ โฉมยงค์ เภสัชกรชำนาญการกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ผลสำรวจผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรในพื้นที่ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และสิงห์บุรี พบว่า ในหลายพื้นที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่โฆษณารักษาโควิดอีกหลายชนิดนอกเหนือจากฟ้าทะลายโจร โดยเป็นการแจกจ่ายผลิตภัณฑ์ไปตามโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย วัด รวมทั้งเสนอขายให้หน่วยงานท้องถิ่นซื้อไปใช้กับผู้ป่วยที่กักตัวอยู่ที่บ้าน และศูนย์พักคอยในชุมชน ซึ่งมีทั้งยาจีน ยาแผนโบราณ และยาแผนปัจจุบัน

       ด้านชนัญชิดา ตัณฑะผลิน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรจะหาซื้อได้ยากในร้านขายยาทั่วไป แต่กลับพบการจำหน่ายในร้านขายของแฟชั่น ย่านสำเพ็ง หรือร้านขายสินค้าในตลาดนัด อีกทั้งในฉลากส่วนใหญ่ที่พบมักไม่มีการแสดงข้อมูลสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ต่อเม็ด นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการขาดตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะที่ปริมาณความต้องการของผู้บริโภ มีมากแต่ปริมาณการมีสินค้าในพื้นที่กลับมีน้อยลง ด้วยเหตุนี้จึงอาจจะเป็นสาเหตุให้ผู้ขายใช้วิธีการกักตุนเพื่อปรับราคา และในอนาคตผู้บริโภคในกรุงเทพฯ อาจจะพบกับสินค้าหรือฉลากปลอมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถจัดหาได้แบบปกติทั่วไป และอาจจะมีการนำเข้าฟ้าทะลายโจรจากต่างประเทศมาจำหน่ายมากขึ้นในตลาดค้าส่งสินค้าแฟชั่นอีกด้วย

       ขณะที่ผศ.ดร.ภก.บดินทร์ ติวสุวรรณ ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) กล่าวว่า ในปัจจุบันฟ้าทะลายโจรถูกบรรจุอยู่ในแนวทางในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด - 19 ฉบับปรับปรุง วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ของกรมควบคุมโรค รวมทั้งยังมีการศึกษาวิจัยที่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยให้ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยเท่านั้น ในแนวทางการรักษาฯ ดังกล่าว ระบุว่า ควรทานฟ้าทะลายโจรที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 mg/วัน แบ่งให้ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร กินติดต่อกัน 5 วัน (ถ้าจำนวน Capsule ต่อครั้งมาก อาจแบ่งให้ 4 ครั้ง ต่อวัน) ขณะที่บางงานวิจัยมีการใช้ปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ 144 mg/วัน แบ่งให้ 3 ครั้งต่อวัน หรือในกรณีใบสด โรงพยาบาลอภัยภูเบศแนะนำให้รับประทานใบสด ครั้งละ 10 ใบ วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน อย่างไรก็ตาม มีข้อห้ามใช้ในกรณีผู้ที่มีประวัติแพ้ยาฟ้าทะลายโจร หญิงตั้งครรภ์ หรืออาจจะตั้งครรภ์ และหญิงที่กำลังให้นมบุตร เพราะข้อมูลในทางทฤษฎีชี้แนะว่าอาจมีผลต่อ Uterine contraction และทารกผิดปรกติ รวมถึงต้องระมัดระวังอันตรกิริยาที่เกิดกับยาอื่น หรือที่เรียกว่ายาตีกัน ดังนั้น ผู้บริโภคควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากมีการรับประทานยาอื่นหรือมีโรคประจำตัวอยู่ด้วย
    “ปัญหาเรื่องคุณภาพของฟ้าทะลายโจรยังมีให้เห็นในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกกฎหมาย ผลิตภัณฑ์ที่ด้อยคุณภาพ การที่ผู้บริโภคพยายามหาซื้อฟ้าทะลายโจรให้ได้ตามขนาดของแนวทางที่ต้องใช้ในการรักษาก็เป็นไปได้ยาก เนื่องจากบางผลิตภัณฑ์ไม่มีข้อมูลของสารแอนโดรกราโฟไลด์ระบุบนฉลาก หรือบางทีอาจระบุไว้แต่ไม่สามารถคำนวนปริมาณสารสำคัญได้ รวมทั้งอาจจะไม่มีปริมาณสารสำคัญหรือปริมาณยาตามที่ระบุในฉลาก อีกทั้งปริมาณสารสำคัญหรือปริมาณยาในแต่ละเม็ดยาก็ไม่ได้มีปริมาณที่เท่ากัน หากกำหนดให้ฟ้าทะลายโจรเป็นคำตอบหนึ่งในแนวทางการรักษาฯ ดังกล่าว ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือกระทรวงสาธารณสุขจำเป็นต้องดูแลและจัดการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว” ผศ.ดร.ภก.บดินทร์ กล่าว

      อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ถูกกฎหมายได้ทางเว็บไซต์ของ อย. ว่าเลขทะเบียนตรงหรือไม่ เพื่อป้องกันผลิตภัณฑ์ยาปลอม รวมทั้งควรต้องอ่านฉลากยาให้เข้าใจก่อนใช้ เนื่องจากในแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกัน ส่วนร้านขายยาก็ต้องคัดกรองสินค้าที่ถูกกฎหมายและมีคุณภาพมาจำหน่าย นอกจากนี้ หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องของวิธีใช้และขนาดการใช้ ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยา

 

 

พิมพ์ อีเมล