สนพ.ย้ำขึ้นแน่ราคาแอลพีจี อ้างคนส่วนใหญ่ไม่คัดค้าน

สมาคมผู้ค้าแอลพีจีประสาน“ธพ.”เกาะติดปริมาณแอลพีจีจากโรงบรรจุไม่ให้ขาด แคลน หวั่นร้านค้าไม่มีขาย กระทบผู้บริโภคภายหลังรัฐออกกฎเหล็กคุมปริมาณการบรรจุแอลพีจีไม่ให้เกิน ศักยภาพของโรงบรรจุ

 

นายชิษณุพงษ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมได้ติดตามสถานการณ์การค้าแอลพีจีอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันปัญหา การขาดแคลนภายหลังจากที่กรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2556 กำหนดควบคุมปริมาณการบรรจุแอลพีจีไม่ให้เกินศักยภาพของโรงบรรจุนั้นๆ หรือเฉลี่ยจะจำกัดไว้ที่หัวจ่ายละไม่เกิน 6.24 หมื่นกิโลกรัม(กก.)ต่อวัน

“สมาคมจะคอยประสานกับธพ.อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ร้านค้าขาดแคลนแอลพีจีซึ่ง จะกระทบไปยังผู้บริโภคเพราะยอมรับว่าการควบคุมปริมาณการบรรจุจากโรงบรรจุไป ยังร้านค้าทั่วประเทศนั้นบางโรงบรรจุอาจจะมีปัญหาได้เพราะความต้องการใช้แอล พีจีโดยเฉพาะครัวเรือนยังมีการขยายตัวเฉลี่ยปีละ 5-10% ซึ่งหัวจ่ายบางโรงอาจมีจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการใช้ในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งได้หารือกับธพ.ว่าหากมีปัญหาจริงก็จะต้องเร่งอนุมัติหัวจ่ายให้โรงบรรจุ เพิ่ม”นายชิษณุพงษ์กล่าว

นายชิษณุพงษ์กล่าวว่า ปัญหาการลักลอบการจำหน่ายแอลพีจีข้ามภาคนั้นเนื่องจากราคาแอลพีจีของไทยมี ถึง 3 ราคา โดยครัวเรือน 18.13 บาทต่อกก. ขนส่ง 21.38 บาทต่อกก. และแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม 30.13 บาทต่อกก. ซึ่งจะพบว่าครัวเรือนมีราคาต่ำกว่าภาคขนส่งกว่า 3 บาทต่อกก. และต่ำกว่าอุตสาหกรรมถึง 12 บาทต่อกก.จึงเป็นสิ่งที่จูงใจให้เกิดการบรรจุข้ามภาค

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า เมื่อเร็วๆนี้นายพงษศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงกรณีที่ธพ.มีการตรวจสอบโรงบรรจุก๊าซแอลพีจี จำนวน 122 โรงบรรจุ ซึ่งรับก๊าซไปบรรจุลงถังหุงต้มเกินกว่าความสามารถ จึงเชื่อว่ามีการนำก๊าซส่วนเกินไปขายในภาคขนส่งหรืออุตสาหกรรม ทำให้รัฐได้รับความเสียหายจากการชดเชยราคาส่วนต่างของราคาก๊าซในท้องตลาด ปีละ 5 หมื่นล้านบาท

ข้อมูลจาก แนวหน้า26 ม.ค. 2556

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน