อัยการแจงพัลวัน ไม่สั่งฟ้องซานติก้า

อัยการ แจงวุ่นเหตุยังไม่สั่งฟ้องซานติก้า ผับรวม 45 สำนวน ระบุไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยการเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากผู้บริหารยื่นร้องต่อผกก.สน.ทอง หล่อขอเปิดบริการต่อ อีกทั้งยังยื่นร้องต่อศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวอยู่ ด้านพนักงานสอบสวนเตรียมประสานฮ่องกงขอตัวเสี่ยสุริยาผู้บริหารที่ยังหลบหนี มาดำเนินคดี หลังทราบว่าบินไปกบดานอยู่ที่นั่น


เมื่อวันที่ 15 ม.ค. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและปราบปรามทุจริตภาครัฐ(ปปท.) สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เดินทางเข้าตรวจสอบยังสถานบันเทิงซานติก้า ผับ ภายในซอยเอกมัย เพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน กับผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปสู่เหตุเพลิงไหม้จนมีผู้เสียชีวิตหลายราย

พ. ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อมาหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะห้องที่ยังไม่สามารถเปิดเข้าไปตรวจได้ ครั้งนี้ได้ประสานไปยังผู้มีอำนาจของซานติก้า ผับ ให้นำกุญแจมาเปิดเพื่อเข้าไปตรวจสอบภายในอย่างละเอียด จากการตรวจสอบภายในห้องผู้จัดการพบแบบพิมพ์เขียวของตัวอาคารซานติก้า ผับ จึงได้นำมาให้คณะทำงานตรวจดู พร้อมกันนี้ได้นำเครื่องตรวจหาสารเคมี มาตรวจสอบในบริเวณพื้น ที่ต่างๆ เพื่อนำสารที่ได้ส่งตรวจเพื่อประกอบสำนวน ส่วนสำนักระบาดวิทยาที่เข้ามาร่วมตรวจครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้าได้เข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้ง นี้ตามโรงพยาบาลต่างๆ แล้วจึงได้เดินทางมาตรวจดูที่เกิดเหตุตามที่ผู้บาดเจ็บกล่าวอ้าง เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปทำเป็นกรณีศึกษาในเหตุการณ์อื่นๆต่อไป

ด้านพ. ต.ท.ประวิทย์ กังวล พงส.(สบ3) สน.ทอง หล่อ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ออกหมายจับผู้ที่จุดพลุ แต่อยู่ระหว่างสอบปากคำพยานให้แน่ชัดว่าคนที่จุดนั้นเป็นใคร พร้อมรอผลการลงความเห็นจากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้จำลองเหตุการณ์การจุดพลุชนิดต่างๆ ว่าพลุชนิดใดนำไปสู่ต้นเหตุจนทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ คาดว่าภายในอาทิตย์หน้าจะเสนอสำนวนต่อศาล เพื่ออนุมัติออกหมายจับผู้จุดพลุได้ ส่วนนายสุริยา ฤทธิ์ระบือ ผู้บริหารซานติก้า ผับที่หลบหนีนั้น ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลให้ฝ่ายสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมต่อไป

รายงาน ข่าวแจ้งว่า สำหรับนายสุริยาทราบว่าหลบหนีไปอยู่ประเทศฮ่องกง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังสำนักงานอัยการ เพื่อตรวจสอบว่าประ เทศดังกล่าวมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนในการนำตัวกลับมาดำเนินคดีหรือไม่ ต่อไป

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายเศรษฐกิจและทรัพยากร ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกฯ แถลงข่าวกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ผู้บริหารซานติก้า ผับ จำนวน 45 สำนวน ในข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ว่า สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าผู้บริหาร ซานติก้า ผับ แจ้งความประสงค์จะเปิดเป็นสถานบริการต่อผกก.สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2546 ซึ่งหลังจากซานติก้า ผับ เปิดให้บริการจึงได้ถูกจับกุมดำเนินคดีรวม 45 ครั้ง ระหว่างวันที่ 6 มิ.ย.47-17 ก.ย.2549 ซึ่งอัยการพิจารณารวมเป็นสำนวนเดียว

นายธนพิชญ์ กล่าวอีกว่าเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 แก้ไข ฉบับที่ 3 พ.ศ.2525 ม.4 วรรค 2 ระบุว่า ผู้ใดตั้งสถานบริการตาม ม. 3 (4) ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนไม่น้อยกว่า 15 วัน ซึ่งกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าจะต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะเปิดบริการได้ ทำให้การเปิดบริการของซานติก้า ผับ จึงไม่ผิดกฎหมาย ขณะที่ บริษัทไวท์ แอนด์ บราเธอร์ (2003) จำกัด เจ้าของ ซานติก้า ผับ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางจนศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้เปิดบริการได้ เพราะมีการแจ้งขออนุญาตแล้ว เมื่อ 24 ธ.ค.2546 ก่อนที่จะมี พ.ร.บ. สถานบริการ (โซนนิ่ง) ฉบับแก้ไขครั้ง 4 ปี พ.ศ. 2546 จะบังคับใช้ พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่า การตั้งสถานบริการดังกล่าวไม่เข้าข่ายกระทำผิด อัยการจึงสั่งไม่ฟ้องข้อหาตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งประเด็นนี้ ต่างกับเรื่องความผิดตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เกี่ยวกับทางเข้าออก ประตูหนีไฟ ซึ่งเป็นคดีแยกไปต่างหาก และทางอัยการยังไม่ได้รับสำนวน

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6623 ข่าวสดรายวัน

- ข่าวสด 17-01-52

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน