เครือข่าย ปชช.จัดกิจกรรมให้ ปชช.ร่วมเสนอนโยบายต่อรัฐบาล

6 ส.ค. - 145 องค์กรเครือข่ายประชาชนเสนอสามนโยบายเร่งด่วนต่อรัฐบาล

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 145 องค์กรเครือข่ายประชาชนได้รวมตัวกันเพื่อเสนอนโยบายต่อรัฐบาลใหม่ที่นส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร เป็นนายกฯโดยนายพงษ์อนันต์ ช่วงธรรม  ปธ.เครือข่ายสลัม 4 ภาและคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาชน แถลงว่า  เครือ ข่ายองค์กรประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชนได้รวมตัวกันเพื่อทำนโยบายภาคประชาชน เสนอรัฐบาล เพื่อเป็นนโยบายประเทศและเป็นเครื่องมือประชาชนในการติดตามนโยบายสำคัญ โดยจะเสนอนโยบาย 3 นโยบายหลักคือ1.การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจรัฐ  ที่ต้องการให้ยกเลิกองค์กรส่วนภูมิภาคให้มีการเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง  โดยให้มีอิสระในการเก็บภาษีและงบประมาณ  ควรยกเลิกอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดให้มีค่าจ้าง 300 บาทเท่ากันทั้งประเทศ ออกกฏหมายโฉนดชุมชม และออกกฏหมายการจำกัดถือครองที่ดิน เก็บภาษีดิน แบบอัตราก้าวหน้า

2.การมอำนาจประชาชน  ให้ มีการตั้งกองทุนพัฒนาสตรี เป็นองค์กรอิสระสนับสนุนนการมีส่วนร่วม ส่งเสริมโอกาสผู้หญิงและควรเร่งให้มีการออกกฏหมายองค์การเพื่อคุ้มครองผู้ บริโภคให้เป็นอิสระ และจัดสรรเงินกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลให้มาสมทบเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มเปราะ บาง  คือกลุ่มด้อยโอกาสทางสังคม  ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ พิการ เร่รอน

3.นโย บาสร้างรัฐสวัสดิการ ควรปรับเปลี่ยนจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นกองทุนหลักประกันการศึกษาที่ปลอดดอกเบี้ยให้ทุกคนเข้าถึงกองทุน  ส่วนการรักษาพยายาล ก็ควรรักษาทุกคนด้วยมารตรฐานเดียวกัน ใช้ระบบภาษีไม่เก็บ 30 บาท และให้มีกองทุนเยียวยาความเสียจากระบบสาธารณสุข ตั้งกองทุนบำนาจรชราภาพพื้นฐานสำหรับทุกคน 1,500 แทนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

อย่างไรก็ตามระหว่างวันที่ 6-7 ส.ค.เครือข่ายภาคเหนือและอีสานจะเดินทางมาที่กทม.เพื่อที่วันที่ 8 ส.ค.จะนัดรวมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้าร่วมกับประชาชนเครือข่ายกทม.เพื่อเดินทางไปพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่รัฐสภาเพื่อเสอนนโยบายดังกล่าว  ซึ่งหากรัฐบาลไม่มีการรนำนโยบายไปดำเนินการภาคประชาชนก็จะมีมาตรการกดดันต่อไป


๑๔๕ องค์กรเครือข่ายประชาชน

เสนอ ๓ นโยบายหลัก ๑๕ นโยบายเร่งด่วนต่อรัฐบาล และให้เร่งรัดพิจารณากฎหมาย ๙ ฉบับ

เพื่อปฏิรูปโครงสร้างอำนาจรัฐ

เพิ่มอำนาจประชาชน สร้างรัฐสวัสดิการ

 

บนผืนแผ่นดินไทย คนร่ำรวยที่สุดร้อยละ ๒๐ ของประเทศมีทรัพย์สินรวมกันคิดเป็นร้อยละ ๖๙ ของประเทศ ครอบครองความร่ำรวย เกือบ ๓ ใน ๔ ขณะที่คนยากจนที่สุดร้อยละ ๒๐ มีทรัพย์สินรวมกันเพียงแค่ร้อยละ ๑ เท่านั้น

แผ่นดินที่ได้ชื่อว่ามีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กลับเป็นแผ่นดินที่ความเหลื่อมล้ำสูงสุดติดอันดับโลก

จาก ความทุกข์ยากอันเกิดจากความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นดาษดื่น เจนตา ปัญหาความยากจน ทั้งสิทธิและโอกาส ปัญหาการถูกกีดกันเข้าไม่ถึงทรัพยากรอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ทั้งที่ดินเพื่อทำกินและที่อยู่อาศัย การเข้าไม่ถึงสวัสดิการสังคม ทั้งหลักประกันการศึกษาและสุขภาพ การถูกกดค่าจ้างแรงงานเพื่อผลประโยชน์ของนายทุน การต้องแบกรับหนี้สินอันเกิดจากระบบเศรษฐกิจที่บิดเบี้ยวและฉ้อฉล ต้องแบกรับกับผลกระทบจากมลภาวะอุตสาหกรรมเพื่อความรุ่งเรืองของประเทศ และท้ายที่สุดคือการต้องถูกเบียดขับจากกระบวนการยุติธรรมและความเป็นธรรม

เครือ ข่ายองค์กรประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชน จึงรวมตัวกันเพื่อจัดทำนโยบายภาคประชาชนเสนอต่อรัฐบาล เพื่อเป็นนโยบายของประเทศและที่สำคัญยิ่งกว่า คือ เป็นเครื่องมือของประชาชนเองในการติดตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล มีดังต่อไปนี้

๑.      นโยบายปฏิรูปโครงสร้างอำนาจรัฐ

๑.    ยกเลิกองค์กรส่วนภูมิภาค เลือกผู้ว่าราชการจังหวัดตรง ให้มีอิสระในการเก็บภาษีและงบประมาณ

๒.   ยก เลิกอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด ให้มีค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาทเท่ากันทั้งประเทศและปรับใช้กับการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้กลุ่ม อื่น ๆ เช่น แรงงานนอกระบบ เกษตรกรในระบบพันธะสัญญา ผู้ผลิตเพื่อขาย หาบเร่ แผงลอย และอาชีพอิสระอื่น

๓.    ออกกฎหมายโฉนดชุมชน และออกกฎหมายจำกัดการถือครองที่ดินและจัดเก็บภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า

๔.    ทบทวน โครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ แหล่งน้ำระหว่างประเทศ และชะลอโครงการผันน้ำขนาดใหญ่ เช่น กรณีโครงการโขง เลย ชี มูล ให้มีการประเมินโครงการเขื่อนที่สร้างไปแล้วทุกเขื่อน เช่น กรณีเขื่อนปากมูล เป็นต้น

๕.    ยก เลิกคดีพิพาทเรื่องที่ดิน การจัดการทรัพยากรและสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคดีคนจนด้านที่ดิน ทรัพยากรและการเรียกร้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เกิดจากปัญหาโครงสร้างการจัดการที่ดิน และการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินของรัฐที่ไม่เป็นธรรม ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งลุกลามเป็นคดีความขึ้นทั่วประเทศ

 

๒. นโยบายเพิ่มอำนาจประชาชน

๑.      ให้ มีกองทุนพัฒนาสตรีเป็นองค์กรอิสระ สนับสนุนการมีส่วนร่วม ส่งเสริมโอกาสของผู้หญิง และขจัดความรุนแรง การค้ามนุษย์ ที่กระทำต่อเด็กและสตรี

๒.      เร่ง ให้มีการออกกฎหมายองค์การเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นอิสระ และการปรับปรุงคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีสัดส่วนผู้บริโภคไม่น้อย กว่ากึ่งหนึ่ง

๓.    จัด สรรเงินกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลให้มีสัดส่วนมาสมทบเพิ่มมากขึ้นสำหรับกองทุน ดูแลกลุ่มเปราะบาง หมายถึง กลุ่มประชากรที่มีเงื่อนไขหรือปัจจัยบางประการ ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเข้าไม่ถึงโอกาสและทรัพยากรที่จำเป็นต่อการ ดำรงชีวิต การถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน การถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งรวมถึง เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ คนเร่ร่อน แรงงานข้ามชาติภาคบริการและการก่อสร้าง รวมถึงผู้ที่สังคมเรียกว่าผู้ด้อยโอกาสด้วยเงื่อนไขอื่น

๔.    หยุด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถาวร หนุนพลังงานหมุนเวียนทุกตำบล ยกเลิกสัมปทานและให้มีกฎหมายคุ้มครองทรัพยากรแร่ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ที่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของพลเมือง รวมทั้งพัฒนารัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน และยกเลิกนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในกิจการสาธารณูปโภค

๕. ให้ รัฐบาลไทยปฏิบัติและมีมาตรการคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรมและสิทธิของชนเผ่า พื้น เมืองในประเทศไทย ตามพันธกรณีที่ได้กระทำไว้กับนานาประเทศและองค์ระหว่างประเทศ  และออกกฎหมายและมาตรการมารับรองสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยอย่าง โดยรัฐต้องให้การสนับสนุนกิจกรรมและงบประมาณในการทำกิจกรรมรณรงค์อย่างพอ เพียง

 

๓. นโยบายสร้างรัฐสวัสดิการ

๑.     ปรับ เปลี่ยนจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นกองทุนหลักประกันการศึกษาที่ปลอดดอกเบี้ย ให้ทุกคนเข้าถึงกองทุน รวมทั้งมีการออกแบบการใช้ คืนเงินกู้ที่ไม่ใช่การบังคับให้เริ่มใช้คืนในปีที่สองหลังจบการศึกษา แต่ให้ยืดหยุ่นตามสภาพการมีงานทำ การมีรายได้พอจ่ายภาษี จึงเริ่มจ่ายคืนกองทุน

๒.      รักษา ทุกคน รักษาทุกโรค ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ใช้ระบบภาษี ไม่เก็บ ๓๐ บาท และให้มีกองทุนเยียวยาความเสียหายจากบริการสาธารณสุข ลดการฟ้องร้องแพทย์และพัฒนาคุณภาพบริการ

๓.      สานต่อโครงการบ้านมั่นคง เพื่อสร้างหลักประกันที่อยู่อาศัย ให้ มีนโยบายนำที่ดินรัฐมาจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับคนจน  เช่น ที่ดินการรถไฟ ที่ดินราชพัสดุ ที่ดินสาธารณะ ที่กรมศาสนา และที่วัด เป็นต้น  โดยให้เช่าในอัตราต่ำ   ใช้ระบบกรรมสิทธิ์ และการบริหารจัดการร่วมกันโดยชุมชน

๔.      ตั้งกองทุนบำนาญชราภาพพื้นฐานสำหรับทุกคน ๑,๕๐๐ บาทแทนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จ่ายรายเดือนให้ผู้สูงอายุทุกคน ทั้งนี้เพื่อให้ยังชีพได้ และสามารถมีรายได้เข้าไปสะสมในกองทุนการออมแห่งชาติได้ด้วย

๕.      ยก เลิกการนำเข้าสารเคมีการเกษตรอันตราย มีระบบประกันรายได้เกษตรกร ประกันภัย ประกันราคาผลผลิต ยกเลิกหนี้สินเกษตรกรในกรณีตาย พิการ สูงอายุ เป็นต้น

เร่งรัดกฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย ๙ ฉบับ

๑.      ร่างพ.ร.บ. องค์การเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นอิสระ พ.ศ. ....

๒.      ร่างพ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข พ.ศ. ....

๓.      ร่างพ.ร.บ. การเลือกปฏิบัติว่าด้วยเพศสภาพ พ.ศ. ....

๔.      จัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามพ.ร.บ.ความปลอดภัยจากการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔

๕.      ร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. .... (ฉบับผู้ใช้แรงงาน ๑๔,๕๐๐ รายชื่อ)

๖.      ร่างพ.ร.บ. บำนาญประชาชน พ.ศ. ....

๗.      ร่าง พ.ร.บ. กองทุนผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.

๘.      ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาคระหว่างเพศ พ.ศ....

๙.      รัฐบาล ต้องทำให้การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสตรีที่มีอยู่มีประสิทธิภาพในการ บังคับใช้มากขึ้นและ กฎหมายบางฉบับที่ปิดกั้นสิทธิและเลือกปฏิบัติต่อสตรีต้องมีการแก้ไข : ตัวอย่างกลุ่มกฎหมายที่ยังมีปัญหาในการบังคับใช้และปิดกั้นสิทธิได้แก่

๑.     กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอนามัยเจริญพันธุ์

๒.    กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก[1]

๓.    พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว

๔.    พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. คณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕

๕.    การส่งเสริมสถานภาพทางกฎหมายของ “ภิกษุณี” เพื่อเติมเต็มพุทธบริษัท ๔ ในประเทศไทย

พร้อมจัดตั้งกระบวนการติดตามนโยบายของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด

-      สภาประชาชน ประเมินและติดตามผลงานรัฐบาลทุก ๖ เดือน โดยแต่ละข่ายจะเกาะติดนโยบายกระทรวงที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวงอย่างใกล้ชิด

-      ความร่วมมือระหว่างภาคประชาชนกับสื่อมวลชน ในการติดตามนโยบายรัฐบาล กำหนดตัวผู้ประสานงานหลัก

กิจกรรมต่อเนื่อง

วัน ที่ ๖ ส.ค. ภาคเหนือ เครือข่ายที่ดินและทรัพยากร จะเคลื่อนขบวนมอเตอร์ไซด์จากลานครูบาศรีวิชัยเชียงใหม่ แวะศาลากลางจังหวัดต่างๆ เพื่อยื่นข้อเสนอ แวะพิษณุโลกค้างคืนและรวมขบวนกับเครือข่ายเกษตรกรภาคเหนือล่าง

วันที่ ๗ ส.ค.ภาคอีสาน เครือข่ายที่ดินและทรัพยากร เคลื่อนขบวนด้วยมอเตอร์ไซค์ เช่นกัน  นัดเจอกับภาคเหนือที่สระบุรี เพื่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ หยุดพักที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต

วันที่ ๘ ส.ค. ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ด้วยขบวนมอเตอร์ไซค์  มุ่งหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า  เพื่อรวมขบวนกับเครือข่ายประชาชนใน กทม. กว่า ๑,๐๐๐ คน จากนั้นจะเดินทางไปพบ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่รัฐสภา เพื่อเสนอนโยบายและทวงสัญญาประชาคมที่พรรคการเมืองต่างๆลงนามไว้ที่ มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อ ๒๔ กรกฎาคม๒๕๕๔

 

๑๔๕ องค์กรเครือข่ายประชาชน

เป็นการรวมตัวกันของเครือข่ายประชาชน อันได้แก่ เครือข่ายองค์กรประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ, เครือข่ายผู้พิการ, เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ, เครือข่ายผู้บริโภค, เครือข่ายผู้สูงอายุ, เครือข่ายสลัม ๔ ภาคและคนไร้บ้าน, เครือข่ายเกษตร, เครือข่ายองค์กรสตรีฯ, เครือข่ายการศึกษา, เครือข่ายแรงงานนอกระบบ, เครือข่ายแรงงานสมานฉันท์, เครือข่ายเยาวชน และ สภาองค์กรชุมชน


พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน