"วิทยา" ขอดูรายละเอียด "พ.ร.บ.ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น จากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย" ก่อน หลัง แพทย์ ส.ส. ติงเนื้อหากินความกว้างเกิน กระทบแพทย์ พยาบาล และอาจกระทบระบบสาธารณสุขได้ ด้าน แพทยสภา เผย สคบ.ยันชัด คำว่า "สินค้า ครอบคลุมถึงยาและเวชภัณฑ์" วิทยาเล็งแก้ก.ม.รับผิดสินค้าไม่ปลอดภัย
"วิทยา" ขอดูรายละเอียด "พ.ร.บ.ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น จากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย" ก่อน หลัง แพทย์ ส.ส. ติงเนื้อหากินความกว้างเกิน กระทบแพทย์ พยาบาล และอาจกระทบระบบสาธารณสุขได้ ด้าน แพทยสภา เผย สคบ.ยันชัด คำว่า "สินค้า ครอบคลุมถึงยาและเวชภัณฑ์" นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แพทยสภาเสนอให้มีการแก้ไขเนื้อหา พ.ร.บ.ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย โดยเสนอให้ยาและเวชภัณฑ์ไม่รวมในคำนิยามคำว่าสินค้า ว่า เริ่มเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งยอมรับว่าขณะนี้ในที่ประชุมสภามีการพูดถึงประเด็นนี้เช่นกัน เพราะเห็นว่ามีผลกระทบต่อระบบแพทย์และพยาบาล
"คนที่เป็นแพทย์ในสภาต่างติงมาว่า อยากให้ผมช่วยดูกฎหมายฉบับนี้หน่อย เพราะเนื้อหาคำว่าสินค้ากินความกว้างเกินไป ดังนั้น ขอเวลาดูรายละเอียดกฎหมายฉบับในก่อน" รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายวิทยา กล่าวว่า ส่วนที่มีความกังวลว่า พ.ร.บ.ความรับผิดต่อสินค้าที่ไม่ปลอดภัย อาจส่งผลให้มีการฟ้องร้องแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้นนั้น เรื่องนี้ตนไม่อยากเห็นการเผชิญหน้าระหว่างแพทย์และประชาชน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายควรเดินไปด้วยกัน ไม่อยากให้เมื่อเกิดปัญหาอะไรเล็กน้อย แทนที่จะพูดคุยกลับมีความขัดแย้ง ขัดใจ มองเหมือนเป็นศัตรูกัน ซึ่งปัจจุบันเราต้องยอมรับว่า ประเทศกำลังประสบภาวะขาดแคลนหมอและพยาบาล จึงอยากให้ช่วยกันดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎหมายฉบับนี้จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 21 ก.พ.นี้แล้ว จะสามารถออกประกาศเพื่อแก้ไขเนื้อหากฎหมายได้ทันหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า คงยังไม่เกิดเหตุเร็วขนาดนั้น คงไม่มีใครที่จะจ้องเล่นงานแพทย์พยาบาลทุกลมหายใจ เชื่อว่ายังมีเวลาอยู่ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องรอฟังความเห็นจากคณะกรรมาธิการสาธารณสุขวุฒิสภาดูก่อน
ทางด้านนาวาอากาศเอก (พิเศษ) นพ.อิทธพร คณะเจริญ กรรมการแพทยสภา กล่าวว่า พ.ร.บ.ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย ประเด็นที่น่าต้องจับตามองเป็นอย่างยิ่ง คือ ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ ที่ใช้ในระบบ โรงพยาบาลรัฐกว่า 1,000 แห่ง และเอกชนกว่า 300 แห่งรวมถึงคลินิกเวชกรรม 8,000 แห่ง จะถูกรวมอยู่ในกฎหมายนี้หรือไม่ เนื่องจากยาทุกตัวหากใช้ไม่ถูกต้องย่อมเกิดการเสียหายได้ ตั้งแต่ แพ้ยา ผลข้างเคียง ซึ่งทางตัวแทนของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ความเห็นว่า สินค้าตามมาตรา 4 ของกฎหมายฉบับนี้ รวมถึง ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ด้วย
กรุงเทพธุรกิจ 29-01-52
