ระดมสมองป้องกันผูกขาดยารักษาโรค

หลายหน่วยงานเห็นตรงกันให้รัฐบาลคลอดกฎหมายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการผูกขาดยา

ที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการศึกษาและติดตามการเจรจาการค้าระหว่าง ประเทศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและนโยบายสุขภาพ สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมทรัพย์สินทางปัญญา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน เพื่อจัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเจรจาการค้าเสรี ไปยังคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) โดยเห็นตรงกันว่า รัฐบาลต้องปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศที่ว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา (ข้อตกลงทริปส์) ในกรณีของยารักษาโรค

อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเจรจาในประเด็นสิทธิบัตรและการผูกขาดเชิงพาณิชย์ ได้ ก็ควรดำเนินการทางกฎหมายให้เกิดมาตรการเยียวยาและมาตรการรองรับผลกระทบภายใน ประเทศ ก่อนที่การเจรจาจะแล้วเสร็จ โดยต้องจัดสรรงบประมาณให้กับระบบบริการสุขภาพหรือระบบประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น ตามรายได้ที่สูงขึ้นจากความตกลงทางการค้าเสรี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านยาและเพิ่มการเข้าถึงยาของผู้ป่วย

นอกจากนี้ ให้จัดสรรงบประมาณในการทำวิจัยและพัฒนาอย่างเพียงพอเพื่อสนับสนุนให้คนไทย ผลิตยาเองได้ ลดการพึ่งพายาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งให้รัฐกำหนดให้มีมาตรการควบคุมยาในประเทศอย่างจริงจังสำหรับปัญหา คู่เจรจาขอให้ขยายระยะเวลาคุ้มครองสิทธิบัตรยา ที่ประชุมเห็นว่าต้องเสนอให้มีการขยายระยะเวลาคุ้มครองสั้นที่สุด

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ระบุว่า หากการเจรจาการค้าเสรียอมรับการขยายความคุ้มครองสิทธิบัตรยาให้เหนือกว่า ความตกลงทริปส์ อาจจะส่งผลให้เกิดการขยายสิทธิการผูกขาดทางการพาณิชย์ในยา โดยหากเพิ่มการคุ้มครองสิทธิบัตรยาให้กับคู่เจรจา 1 ปี มูลค่าผลกระทบต่อราคายาสูงสุดจะอยู่ที่ 2,834.7 ล้านบาท หากยืดอายุถึง 10 ปี มูลค่าผลกระทบสูงสุดจะมากกว่า 2 แสนล้านบาท

วันเดียวกัน สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เห็นชอบร่างความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่องการจัดทำความตกลงทางการค้าเสรี ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปที่จะมีผลกระทบต่อการเข้าถึงยา เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ได้แก่ รัฐบาลต้องจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ (ร่าง) กรอบเจรจาฯ อย่างทั่วถึงก่อนเสนอให้รัฐสภาพิจารณา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศกำหนดกรอบการเจรจาฯ อย่างชัดเจนว่าให้ระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาต้องไม่เกินไปกว่าข้อตก ลงทริปส์ นอกจากนี้ต้องจัดให้มีการศึกษาเปรียบเทียบผลดีผลเสียในภาพรวมทางเศรษฐกิจ อย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ สภาที่ปรึกษาฯ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการมาเยือนประเทศไทยของนายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าว่า เชื่อว่านายบารัค โอบาม่า จะเสนอให้ไทยเข้าร่วมเจรจาความตกลงกรค้าข้ามแปซิฟิค หรือ TPPA ซึ่งเนื้อหาของ TPPA อุตสาหกรรมยาข้ามชาติได้สอดไส้ไม่ให้มีการควบคุมราคายา ไม่ให้ต่อรองราคายา รัฐบาลจึงต้องชั่งน้ำหนักให้ดี

ข้อมูลจาก นสพ.โพสต์ทูเดย์ 9 พ.ย. 55

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน