ปลดหนี้ชีวีเป็นสุข

580902 debt

สวัสดีครับ ....ท่านผู้อ่านทุกท่าน

การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ ยังเป็นคำกล่าวที่ยังถูกต้องเสมอ ไม่มีใครที่ต้องการเป็นหนี้แต่ถ้าได้ตกอยู่ในฐานะลูกหนี้ไปแล้วการที่จะหลุดออกมาจากบ่วงหนี้นั้นย่อมเป็นการยากเย็นแสนเข็ญ ไม่ว่าการเป็นหนี้จะมาจากความจำเป็นของชีวิตในด้านใดก็ตาม เมื่อเป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ การวางแผนทางการเงินที่ถูกต้องเท่านั้นถึงจะทำให้ท่านสามารถแก้ไขปัญหาหนี้นั้นได้ ตอนนี้มาเริ่มแผนการปลดหนี้กันดีกว่า

1. การเริ่มต้นที่จะปลดหนี้นั้นประการแรกจะต้องมีจุดมุ่งหมายและสร้างกำลังใจให้กับตัวเองก่อนว่า เราจะต้องปลดหนี้นั้นให้จงได้ ข้อนี้ถือว่าสำคัญที่สุดเพราะถ้าไม่มีความคิดริเริ่มแล้วความพยายามที่จะให้บรรลุผลเพื่อขจัดหนี้ก็จะไม่มีความหมาย

2. ต้องวางแผนชำระหนี้อย่างถูกวิธี เริ่มต้นจะต้องประเมินสถานะการณ์การเป็นหนี้และจะต้องสำรวจกำลังความสามารถในการชำระหนี้ให้ได้เสียก่อนด้วยการทำบัญชีครัวเรือน

3. เรียงลำดับยอดหนี้ที่สำคัญจากมากไปหาน้อยและทำการแบ่งกลุ่มหนี้ต่าง ๆ เช่น หนี้ในระบบ หนี้นอกระบบ ประเด็นสำคัญควรที่จะต้องจัดการปลดหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสูงก่อน เพื่อที่จะหยุดยั้งดอกเบี้ยไม่ให้งอกเงยขึ้นมามากกว่านี้

หนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดมีดอกเบี้ยที่มีอัตรสูงที่สุด หากนำบัตรเครดิตและไปรูดซื้อสินค้าและชำระไม่เต็มจำนวนหรือมีการกดเงินจากบัตรเครดิตก็จะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตร 20 % ต่อปี ส่วนบัตรกดเงินสดจะเสียดอกเบี้ยในอัตรา 28 % ต่อปี โดยเริ่มคิดเมื่อมีการกดเงินสดออกมาจากบัตร และเมื่อเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดหลายท่านก็จะชำระหนี้ขั้นต่ำซึ่งอยู่ที่ 5-10 % ของยอดหนี้ ซึ่งจะทำให้ต้องใช้เวลานานมากจึงจะชำระหนี้จนหมดสิ้น ซึ่งวิธีนี้ทำให้เสียเปรียบ ซึ่งถ้าเป็นหนี้บัตรทั้งสองแล้วควรหาเงินก้อนมาปิดเพื่อให้ยอดหนี้ในส่วนที่เป็นเงินต้นนั้นลดลงจะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้เป็นจำนวนมาก

วิธีลดการจ่ายดอกเบี้ย
1. การรีไฟแนนซ์ คือการเปลี่ยนแปลงเจ้าหนี้ใหม่ ส่วนมากผู้ที่เป็นลูกหนี้จะจะรีไฟแนนซ์หนี้จากแหล่งที่มีดอกเบี้ยสูงไปสู่แหล่งที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายและนำเงินที่ลดนั้นไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตสำหรับคนที่มีภาระหนี้มีบัตรเครดิตหลายใบ หมุนใช้จ่ายรูดบัตรนั้นมาใส่บัตรนี้ ทำให้มีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น อาจจะเลือกการรีไฟแนนซ์เพื่อตัดวงจรหนี้ก็สามารถทำได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ให้บริการสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต โดยการรวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดทุกแบงก์มาไว้ที่เดียวกันและธนาคารจะให้เงินมาก้อนหนึ่งเพื่อที่จะได้ไปปลดหนี้จากบัตรเครดิตอื่น ๆ และหันมาเป็นลูกหนี้เพียงรายเดียว

2. หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เช่น กองทุนสวัสดิการของพนักงานหรือสหกรณ์ หรือแม้แต่จะหยิบยืมญาติพี่น้องในครอบครัวก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

3. การปรับโครงสร้างหนี้หรือการประนอมหนี้ หากท่านไม่สามารถที่จะชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้ ท่านก็สามารถที่จะไปเจรจากับเจ้าหนี้หรือธนาคารที่ท่านเป็นหนี้อยู่ได้ ชี้แจงข้อเท็จจริงรวมไปถึงเหคุผลต่าง ๆ ที่ท่านไม่อาจจะชำระหนี้ให้ได้และขอปรับโครงสร้างหนี้แต่ท่านจะต้องขอปรับตามกำลังหรือความสามารถที่จะชำระหนี้ได้ตามรายได้ที่ท่านหามา ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้นั้นจะทำให้การผ่อนชำระลดลงและใช้ระยะเวลาผ่อนที่นานขึ้น แต่ข้อควรระวังในการปรับโครงสร้างหนี้นั้นผู้ที่ขอปรับจะต้องมีบัตรไม่มากไม่เกิน 2 ใบและมีหนี้จำนวนไม่มาก

เพราะฉะนั้นการปรับโครงสร้างหนี้ก็คือ การทำสัญญาใหม่ที่จะรวมทั้ง เงินต้น ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ เบี้ยทวงถาม เบี้ยค่าติดตาม ทั้งหมดมารวมกันและเป็นหนี้ใหม่เกิดขึ้น ในส่วนของข้อดีก็คือ การช่วยยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไปและลดเงินในการชำระหนี้ในแต่ละเดือน

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็ถือเป็นทางเลือกและเป็นวิธีการปลดหนี้ ซึ่งผู้ที่เป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลก็สามารถนำวิธีการเหล่านี้มาใช้เป็นประโยชน์เพื่อนำไปสู่การปลดหนี้ในอนาคตได้ครับ

พิมพ์ อีเมล