รายงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า สาวๆ ที่ไปทำเล็บตามร้านเสริมสวยมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนัง
คำเตือนจากวงการแพทย์ได้มีขึ้นหลังจากผู้หญิงสองคนเป็นเนื้องอกที่มือ เพราะได้รับแสงอัลตราไวโอเล็ตที่ใช้เชื่อมติดเล็บเทียม
แสงดังกล่าวนี้มีใช้ตามร้านเสริมสวย และมีอุปกรณ์ฉายแสงนี้วางขายสำหรับซื้อไปใช้ตามบ้านด้วย
แต่ผู้เชี่ยวชาญเกรงว่า รังสียูวีเข้มข้นนี้อาจทำลายเซลล์ผิวหนังได้
หมอโรคผิวหนังที่มหาวิทยาลัยเท็กซัสได้เรียกร้องให้ทำการศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับความปลอดภัยของอุปกรณ์ทำเล็บที่ใช้แสงยูวีนี้
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า คนที่ใช้เป็นประจำควรตรวจหาร่องรอยของเนื้องอกมะเร็งที่มือ และนิ้ว
ร้านทำเล็บในอังกฤษมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ส่วน ใหญ่รับต่อเล็บโดยเชื่อมติดเข้ากับเล็บของเจ้าของเอง แล้วทำการลงสีหรือตกแต่ง
แต่มีกระแสวิตกกังวลว่า ช่างทำเล็บอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพแก่ลูกค้า โดยใช้สารเคมีราคาถูกแต่อันตราย
สารชนิดหนึ่งคือ เมธิล เมตาครีเลต หรือเอ็มเอ็มเอ ได้ถูกสั่งห้ามใช้ในสหรัฐ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ไม่ได้ห้ามในอังกฤษ
สารเคมีนี้สร้างปัญหาแก่ระบบทางเดินหายใจ และทำให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้
ส.ส.พรรคแรงงาน ดร.ฟิลลิส สตาร์กี ได้เรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรออกกฎหมายฉบับใหม่ กำหนดให้ควบคุมร้านทำเล็บและร้านเสริมสวย โดยต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจนี้
รายงานล่าสุดซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Archives of Dermatology ได้ตอกย้ำถึงความวิตกเหล่านี้
หญิงวัย 48 ปีรายหนึ่งซึ่งมีสุขภาพดี ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อขจัดเนื้อร้ายจากมือข้างขวาของเธอ หลังจากรับการฉายแสงยูวีที่ร้านทำเล็บถึง 8 ครั้งในหนึ่งปี
ผู้หญิงอีกรายหนึ่งในวัย 55 ก็เป็นเนื้องอกที่มือข้างขวาเช่นกัน หลังจากใช้แสงยูวีดังกล่าวเดือนละ 2 ครั้งมานาน 15 ปี
ในทั้งสองกรณี แม้เป็นเนื้องอกชนิดที่ไม่ได้ทำให้ถึงแก่ความตาย และสามารถผ่าตัดออกได้ แต่ราว 4% ของผู้ป่วยนั้น มะเร็งชนิดนี้จะแพร่ไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ดร.เดโบราห์ แม็กฟาร์เลน แห่งศูนย์มะเร็งแอนเดอร์สัน มหาวิทยาลัยเท็กซัส วิทยาเขตเมืองออสติน บอกในรายงานว่าแสงยูวีนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง
แคโรลีน เคอร์นีย์ แห่งโครงการรณรงค์ Sunsmart ของหน่วยงาน Cancer Reserch UK บอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าแสงดังกล่าวเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ
"การอาศัยข้อมูลจากผู้ป่วยเพียงสองราย เราไม่อาจแน่ใจได้ว่าแสงฉายเล็บนี้เป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังในผู้หญิงทั้ง สองคนจริงหรือไม่"
นสพ.ไทยโพสต์ 12-05-52