อันตรายเปิบน้ำพริกแมงดา

สคบ.คุมกลิ่นเทียม จี้ก้นพ่อค้าติดฉลาก น้ำพริกแมงดา

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แถลงว่า ได้สั่งการให้สคบ.และคณะกรรมการว่าด้วยฉลากไปออกประกาศคณะกรรมการ  ว่าด้วยฉลาก เพื่อให้สินค้าประเภทวัตถุแต่ง  กลิ่นรสสังเคราะห์เป็นสินค้าที่ต้องควบคุมฉลาก โดยเฉพาะวัตถุแต่งกลิ่นรสสังเคราะห์กลิ่นแมงดานา หลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคและสมาพันธ์ชมรมคุ้มครองผู้บริโภค กทม.ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการรับประทานน้ำพริกแมงดาที่ปรุงจากวัตถุ แต่งกลิ่นรสสังเคราะห์กลิ่นแมงดานา เพราะรับประทานเข้าไปแล้วมีอาการปวดท้อง และเมื่อสัมผัสโดนผิวหนังเกิดอาการผื่นคัน รวมทั้งเมื่อทดสอบหยดลงบนกล่องโฟมพบว่าสารเคมีที่สังเคราะห์นั้นได้ทำ ปฏิกิริยาจนโฟมละลาย

ทั้งนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สคบ.ต้องดำเนินการ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้รับทราบว่าวัตถุแต่งกลิ่นสังเคราะห์ที่นำมาใช้ ปรุงแต่งอาหารทั้งแมงดานา น้ำมะนาวเทียม ผงชูรส หรือน้ำส้มสายชู นั้นไม่ได้มีการสกัดมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของแมงดา หรือคั้นมาจากผลมะนาวสดแล้วนำมาบรรจุขวดขาย แต่เป็นเพียงสารเคมีสกัดเท่านั้น หากผู้บริโภครับประทานในจำนวนที่มากเกินไปจะมีอันตรายต่อผู้บริโภคได้

หากประกาศของคณะกรรมการฉลาก  มีผลบังคับใช้แล้วมีการฝ่าฝืน ผู้ผลิต หรือผู้สั่งนำเข้าเพื่อจำหน่ายในประเทศ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและกรณีที่เป็นผู้จำหน่ายสินค้าที่ควบคุมฉลากแต่ ไม่จัดให้มีฉลากหรือมีฉลากที่ไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนแนวทางการควบคุมการใช้วัตถุแต่งกลิ่น รส สังเคราะห์นั้นจะกำหนดให้ผู้ผลิตนำเข้าหรือจำหน่ายต้องจดแจ้งรายละเอียดให้ ครบถ้วนต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งส่วนประกอบหลัก ผลการทดสอบความปลอดภัยและการรับรองด้านอาหาร ติดฉลาก ระบุส่วนประกอบปริมาณการใช้ที่เหมาะสม ระบุวันผลิตและหมดอายุ สถานที่ตั้งของผู้ผลิต   นำเข้า รวมทั้งคำเตือนต่าง ๆ โดยใช้ตัวอักษรที่สามารถเห็นได้ชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย รวมทั้งจะประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ. อาหาร อย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท ขณะเดียวกันสคบ.จะสุ่มเก็บตัวอย่างสินค้าในตลาดโดยเน้นสินค้าที่ใช้ในชีวิต ประจำวัน เพื่อ เฝ้าระวังและทดสอบพิสูจน์ความไม่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง 

นายนิโรธ เจริญ ประกอบ เลขาธิการสคบ. กล่าวว่า ขั้นตอนการออกประกาศสินค้าควบคุมต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนเพราะต้องรับฟังความ   คิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย โดยสคบ.ต้อง  ประสานกับอย.เพื่อพิจารณาในรายละเอียดให้ครอบคลุมว่ามีวัตถุแต่งกลิ่นรส สังเคราะห์ใดบ้างที่เข้าข่ายเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และเป็นสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในการดูแลของอย. เพราะปัจจุบันมีวัตถุแต่งกลิ่นสังเคราะห์จำนวนมาก ที่นำมาใช้ประกอบอาหารทั้งที่เป็นวัตถุแต่งกลิ่นรสธรรมชาติ วัตถุแต่งกลิ่นรสเลียนธรรมชาติ เช่นกลิ่นวานิลลา กลิ่นนมแมว กลิ่นอัลมอนด์ กลิ่นช็อกโกแลต รวมถึงกลิ่นรสสังเคราะห์ เช่นกลิ่นแมงดานา กลิ่นสตรอเบอรี่ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามจากการศึกษาวัตถุแต่ง กลิ่นรสสังเคราะห์กลิ่นแมงดานา เกิดจากส่วนผสมสารเคมี 4 ชนิด คือ โพรพีลินไกลคอล,     เอทิลอะซีเตท,เฮกซิลอะซีเตท และไดเมทิลซัลไฟด์ โดยสารเคมีบางชนิดอาจออกฤทธิ์ เป็นอันตรายเฉียบพลันที่มีผลทำให้หนูตายได้ถึง 50% หากได้รับปริมาณเกิน 3.7 กรัมต่อกิโลกรัม (ของน้ำหนักตัว) ซึ่งนอกจากการออกประกาศให้เป็นสินค้าควบคุมฉลากแล้วสคบ.จะออกประกาศเตือนให้ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ควรอ่านฉลากและใช้วัตถุแต่งกลิ่นรส ในปริมาณตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค ขณะที่ผู้บริโภคที่มักเข้าใจว่าน้ำพริกแมงดาที่วางจำหน่ายทั่วไป ทำมาจากตัวแมงดานานั้น ก็ต้องให้ความสำคัญกับการอ่านฉลากให้ชัดเจน วิธีการใช้ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับวัตถุแต่งกลิ่นรส  ให้ครบถ้วนด้วย

หากผู้บริโภคพบเห็นหรือได้รับ   อันตรายจากการรับประทานสารปรุงแต่งเหล่านี้ สามารถร้องเรียนมาได้ที่สายด่วนสคบ.ทันที โดยศูนย์เฝ้าระวังและพิสูจน์สินค้าอันตราย สคบ. จะร่วมกับ 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งอย. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมวิทยาศาตร์บริการ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ม.เกษตรศาสตร์ เครือข่ายนักวิชาการ เพื่อผู้บริโภค และสมาพันธ์ชมรมคุ้มครองผู้บริโภค เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการพิสูจน์ทันที โดยมั่นใจว่าหากผู้บริโภคให้ความสำคัญ และผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญดูแลผู้บริโภค ปัญหาจะลดลง.

..................................................................................................................................
ที่มา:  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันพฤหัสบดี ที่ 13 มกราคม 2554 เวลา 9:18 น

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน