ยื่นข้อเสนอ อย. เร่งแก้ปัญหาความปลอดภัยด้านอาหาร แบบมีส่วนร่วม
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ๑๐ จังหวัด ที่ยกทีมเข้าพบเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อยื่นข้อเสนอของอค์กรเครือข่ายผู้บริโภคให้เกิดการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยด้านอาหารอย่างเป็นรูปธรรม โดยบรรยากาศมีความเป็นกันเอง โดยมีเลขาฯ ผู้ช่วยเลขาฯ และเจ้าหน้าที่ส่วนงานต่างของ อย. ร่วมแลกเปลี่ยน พร้อมร่วมกันแก้ไขปัญหาทั้งในเชิงนโยบายและปฏิบัติการ เผยนั่งสามฝ่ายถกปมฉลากโภชนาการแบบสัญญานไฟจราจร สร้างแนวปฎิบัติปราบโฆษณาผิดกฎหมาย แต่การสนับสนุนงบประมาณไม่สามารทำได้
เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร่วมกับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคใน ๑๐ จังหวัด ประกอบด้วย ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคกรุงเทพฯ คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดสมุทรสงคราม คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดกาญจนบุรี สมาคมผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่น สมาคมผู้บริโภคจังหวัดร้อยเอ็ด มูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา สมาคมชีวิตดีจังหวัดลำปาง โครงการบริโภคสร้างสรรค์สุราษฎร์ธานี สมาคมผู้บริโภคสงขลา และเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดสตูล ดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนด้านอาหาร โดยการดำเนินงานมีทั้งงานด้านเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร รับและแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนเสริมสร้างความเข้มแข็งผู้บริโภค รณรงค์สร้างความตื่นตัว ศึกษาสำรวจข้อมูล และผลักดันนโยบายทั้งระดับระดับท้องถิ่น และระดัมชาติ ซึ่งจากการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคของศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคใน ๑๐ จังหวัด พบว่ามีความร่วมมือและได้รับการสนับสนุนในการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคในหลายจังหวัด ได้แก่ จังหวัดพะเยา ลำปาง สตูล และร้อยเอ็ด เช่น มีการจัดทำแผนการคุ้มครองผู้บริโภคในระดับจังหวัดร่วมกัน เฝ้าระวังสื่อโฆษณาอาหารและการทดสอบหาสิ่งปนเปื้อนในอาหารร่วมกัน อย่างไรก็ตามในการทำงานยังมีข้อจำกัดหลายประการ อาทิเช่น ขาดความเข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมาย ขาดการเผยแพร่ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการร้องเรียน ตลอดจนความยากลำบากในการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลในพื้นที่เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมและประสิทธิภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคจึงเข้าพบเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ยื่นข้อเสนอมาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภค ๗ ข้อได้แก่
๑. ออกประกาศเรื่องมาตรการฉลากโภชนาการแบบสีสัญญาณไฟจราจร
๒. ให้มีมาตรการปรับและลงโทษในอัตราสูงสุดต่อกรณีความผิดฐานแสดงฉลากไม่ถูกต้องเพราะฉลากเป็นด่านแรกของมาตรการส่งเสริมอาหารปลอดภัย รวมทั้งทำความร่วมมือกับผู้ประกอบการและองค์กรผู้บริโภคให้พัฒนาฉลากเป็นมิตรต่อผู้บริโภค เช่น อ่านได้ชัดเจน ทั้งสีและขนาดตัวอักษร ใช้คำว่าวันหมดอายุเป็นภาษาไทย ยกเลิกการใช้คำว่าควรบริโภคก่อน มีคำเตือนเรื่องสารก่อภูมิแพ้ เป็นต้น
๓. พัฒนาระบบเครือข่ายรับเรื่องร้องเรียน การเฝ้าระวังโฆษณา และการใช้ข้อมูลร่วมกันกับองค์กรผู้บริโภคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายที่ทันท่วงที
๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาร่วมมือ และสนับสนุนองค์กรผู้บริโภคในการดำเนินการฟ้องคดี กรณีการเสียชีวิตจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
๕. เปิดเผยผลการทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพต่อสาธารณะอย่างเป็นระบบ และเข้าถึงได้ง่ายโดยผู้บริโภค ตลอดจนสนับสนุนการเข้าถึงห้องปฏิบัติการในการทดสอบหาความไม่ปลอดภัยด้านอาหารขององค์กรผู้บริโภค
๖. การแก้ไข พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ขอให้เพิ่มเนื้อหาการสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งกับองค์กรผู้บริโภคดังที่องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลกได้มีตัวชี้วัดสำคัญว่า การมีส่วนร่วมขององค์กรผู้บริโภคเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความปลอดภัยด้านอาหาร ตลอดจนปรับปรุงสาระและขั้นตอนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ปัญหาการกระทำผิดซ้ำซาก
๗. จัดสรรงบประมาณสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้บริโภค ในการมีส่วนร่วมรับเรื่องร้องเรียนและเฝ้าระวังการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ
จากการเข้าพบพูดคุย อย.พร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาผู้บริโภค โดยเฉพาะเรื่องฉลาโภชนาการแบบสัญญาณไฟจราจรนั้นพร้อมตั้งวงคุยสามฝ่าย คือผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และอย. ส่วนการแก้ไขปัญหาโฆษณาผิดกฎหมาย ที่ผ่านมามีการขับเคลื่อนในหลายรูปแบบ เช่น มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อีกทั้งยังได้ทำแนวปฏิบัติสำหรับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด การปรับปรุงแก้ไขกฏหมายมีส่วนที่สอดคล้องกับข้อเสนอ แต่การสนับสนุนงบประมาณ เนื่องจากติดขัดข้อระเบียบ แต่เลขาธิการ อย. แนะให้ใช้ช่องทางอื่น
