9 เรื่องสุดเงิบแห่งปี 2556 ของผู้บริโภคไทย

570128_strabung

นิตยสารฉลาดซื้อ ฉบับที่ 154 ประจำเดือน ธันวาคม 2556 ได้รวบรวมและจะทำ “เงิบแห่งปี”

จากข่าวเกี่ยวกับผู้บริโภคในปี 2556 ที่ผ่านมา พบว่า มีอยู่ 9 เรื่องด้วยกัน ดังนี้

 

1.ประสบการณ์เงือก

เป็นเรื่องราวที่สตาร์บัคส์ประกาศฟ้องร้านกาแฟรถพ่วง “สตาร์บัง” โทษฐานละเมิดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้ารูปนางเงือกสองหาง ซึ่งโลโก้ของบังเป็นรูปบังโพกผ้า มือหนึ่งถือกระบวยน้ำร้อน อีกมือชูสองนิ้ว โดยนักการตลาดให้ความเห็นว่านี่เป็นการ “ล้อเลียน” มากกว่า “ลอกเลียน” แต่สตาร์บัคส์บอกว่าจำเป็นต้องฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง ประเทศ เพื่อเรียกค่าเสียหาย 300,000 บาท และดอกเบี้ยอีกร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมถึงให้ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี เนื่องจากเดิมทีจะใช้วิธีเจรจาและให้ความช่วยเหลือจนอีกฝ่ายยอมปรับเปลี่ยน เครื่องหมายการค้าให้แตกต่างจากสตาร์บัคส์ แต่สตาร์บังขัดขืน ทั้งนี้ คำตัดสินในคดีอาญาเรื่องนี้จะรู้ผลวันที่ 10 ก.พ. 2557

9 เรื่องสุดเงิบแห่งปี 2556 ของผู้บริโภคไทย “สตาร์บัง” ติดกับเขาด้วย
2.ขาวดีมีทุนให้!!?

บริษัท ยูนิลิเวอร์ ปล่อยแคมเปญโฆษณาครีมผิวขาวตัวใหม่ เมื่อ ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจัดกิจกรรม “ซิตร้าค้นหาสาวใสเด้งวิ๊ง 3D” เพื่อตามล่าหานักศึกษาสาวผิวขาวใส โดยให้แต่งชุดนักศึกษา โพสท่าโชว์ผิวเด้ง 3 มิติ พร้อมถือซิตร้า เพิร์ลลี่ไวท์ ซีรัม หรือโลชั่น แล้วแชะรูปเต็มตัว ส่งมาที่ www….” โดยผู้ชนะจะได้รางวัลเป็นทุนการศึกษากว่า 100,000 บาท พร้อมโอกาสในการได้ร่วมถ่ายแฟชั่นลงนิตยสาร Cheeze จนเกิดการถกเถียงมากมาย เช่น คนผิวคล้ำไม่มีโอกาสเลยหรือ ขายครีมผิวขาวจะแจกรางวัลคนผิวคล้ำก็ไม่ตรงคอนเซ็ปต์ หรือเรียกรางวัลว่าทุนการศึกษาเพราะจะได้ไม่ต้องเสียภาษี เป็นต้น เรื่องนี้เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ของอังกฤษและออสเตรเลียหลายฉบับ ซึ่งสุดท้ายบริษัทออกมาขอโทษว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเรื่อง การเหยียดสีผิว จากนั้นจึงถอนแคมเปญนี้ออก อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้นักศึกษาหรือวัยรุ่นทั่วไปได้เห็นความจริงว่า คนที่มาถ่ายรูปชิงรางวัลนั้นขาวอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผลิตภัณฑ์ที่ถืออยู่ในมือ

9 เรื่องสุดเงิบแห่งปี 2556 ของผู้บริโภคไทย “สตาร์บัง” ติดกับเขาด้วย
3.ขาขึ้น

เมื่อราคาแก๊สหุงต้ม ค่าไฟฟ้า และค่าทางด่วน พร้อมใจกันขึ้นราคาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา แม้กระทรวงพลังงานจะระบุว่า ราคาแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) ปรับขึ้นเพียงกิโลกรัมละ 50 สตางค์ต่อเดือน ไม่น่าจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนมากนัก และประกาศให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนกลุ่มต่างๆ นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยืนยันว่าส่งผลกระทบน้อยมาก เพราะก๊าซหุงต้ม 1 ถังใช้ประกอบอาหารได้ประมาณ 300 จาน การปรับขึ้นก๊าซเดือนละ 50 สตางค์/กก.ทำให้ต้นทุนราคาอาหารปรุงสำเร็จเพิ่มขึ้นจานละ 2-3 สตางค์เท่านั้น จึงขอความร่วมมือจากทางร้านไว้ ให้ช่วยตรึงราคาอาหารปรุงสำเร็จเอาไว้จนถึงสิ้นปี!!

9 เรื่องสุดเงิบแห่งปี 2556 ของผู้บริโภคไทย “สตาร์บัง” ติดกับเขาด้วย
4.รับรองซิมไม่ดับ

วันที่ 15 ก.ย.2556 บริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู ย้ำหนักแน่นว่า ซิมไม่ดับแน่นอน เพราะ กสทช.อนุญาตให้ต่ออายุสัมปทานไปอีก 1 ปี ซึ่งการต่ออายุโดยงดประมูลเพื่อหารายใหม่นี้มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการ พัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่าจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศและประชาชนเป็นมูลค่าสูงถึง 1.6 แสนล้านบาท ทั้งนี้ กสทช.อ้างว่าไม่ต่ออายุไม่ได้ เพราะจะมีคนเกือบ 20 ล้านคนต้องถูกทอดทิ้ง จึงประกาศมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคขึ้น พร้อมอนุญาตให้ทรูครอบครองสัมปทานไปอีก 1 ปี และแถมท้ายด้วยการฟ้องหมิ่นประมาท อาจารย์เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ และนางสาวณัฎฐา โกมลวาทิน ที่ร่วมกันเผยแพร่ข่าวนี้ทางช่องไทยพีบีเอส

และหลังจากติดตามผลมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค ของ กสทช.จากงานเสวนาเรื่อง “60 วัน ประกาศเยียวยา 1800 MHz ประชาชนได้อะไร” ยังพบว่า 3-4 ข้อห้าม ทั้งห้ามซิมดับ ห้ามขายเบอร์คลื่น 1800 อีก ห้ามโอนย้ายเลขหมายโดยไม่บอกผู้บริโภค ทรูก็จัดให้มีทุกข้อหลัง 15 กันยายน โดยเฉพาะห้ามโอนย้ายเลขหมายตามอำเภอใจ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ยังโดนกับตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น หาก กสทช.เตรียมการประมูลเอาไว้ล่วงหน้าก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในทุกคลื่นความ ถี่ นี่ก็แว่วเสียงจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิด กสทช.บอกมาว่า ต่ออายุ 1800 ให้ทรูไป 1 ปี คงต้องต่อให้ เอไอเอส กับ ดีแทค ด้วย ไม่งั้นจะถูกกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติ

9 เรื่องสุดเงิบแห่งปี 2556 ของผู้บริโภคไทย “สตาร์บัง” ติดกับเขาด้วย
5.ตกลงหมูหรือไก่

ตอนเดือนมีนาคม ฉลาดซื้อโดยคอลัมน์ซูมลงเรื่อง ฉลากเบอร์เกอร์ข้าวเหนียวหมูย่าง ที่มันไม่ใช่หมูย่างล้วนๆ อย่างที่เข้าใจตามชื่อสินค้า แต่มีเนื้อไก่ผสมอยู่ด้วย พอมีคนเอาข้อมูลไปแชร์กันต่อ และหาข้อมูลเพิ่ม เลยกลายเป็นกระแส ผู้คนหันมาพลิกอ่านฉลากอาหารในร้านเซเว่นฯ และพบว่า อย่างเบอร์เกอร์ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริกหนุ่ม ปริมาณหมูกับไก่ พอฟัดพอเหวี่ยง หมู 10% ไก่ 9.9% ซึ่งผู้ผลิตอธิบายว่า เพื่อความอร่อยนั่น

ทั้งนี้ ฉลาดซื้อไปดูฉลากอาหารประเภทเดียวกันเพิ่มเติมอีกหลายยี่ห้อ พบว่า จริงอย่างซีพีว่า โดย ฉลาดซื้อสำรวจไป 76 ตัวอย่าง 46 ตัวอย่างฉลากไม่ไปกับชื่ออาหารเลย กุ้งทอดก็มีปลาผสม ไส้กรอกชีส ไม่มีชีสระบุในส่วนประกอบ เกี๊ยวปู ไม่บอกว่ามีปูเท่าไหร่ บอกแต่ว่า เนื้อสัตว์และแผ่นแป้ง ฯลฯ ความลำบากจะไม่เกิดกับคนที่กินอะไรก็ได้ แต่คนที่จำเป็นหรือมีข้อห้ามประจำตัว กินนี่ไม่ได้ นั่นไม่ได้ คงลำบากหน่อยนะ คงต้องอ่านฉลากกันดีๆ

9 เรื่องสุดเงิบแห่งปี 2556 ของผู้บริโภคไทย “สตาร์บัง” ติดกับเขาด้วย
6.โฟมในกำแพง

ใครจะไปคิดว่าคอนโดหรูเลิศอลังการ ราคาหลายล้าน จะใช้วัสดุที่ดูแล้วไม่น่าจะมีความแข็งแรงทนทานอย่าง “โฟม” มาทำผนังห้อง ซึ่งเรื่องเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของห้องชาวต่างชาติ ผู้อาศัยในคอนโด The Base park east สุขุมวิท 77 ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เรียกช่างมาทุบผนังห้องเพื่อดูว่าทำไมถึงมีน้ำรั่วซึมออกมา แต่กลับพบว่าผนังที่ควรก่อด้วยอิฐและซีเมนต์ กลายเป็นโฟมและแผ่นกระดาษที่ถูกสอดไว้อยู่ข้างใน จึงถ่ายภาพโฟมที่พบหลังจากการทุบผนัง ไปโพสต์ยังหน้าเฟซบุ๊กของแสนสิริ จึงเป้นประเด็นขึ้นมา สุดท้ายทางแสนสิริเจ้าของโครงการจึงต้องออกมายอมรับผิด โดยยอบรับว่าเป็นความบกพร่องของช่างผู้ทำงาน ที่อาจจะรีบร้อนให้งานเสร็จไวจึงใช้โฟมมาอุดผนังตรงบริเวณเต้ารับไฟฟ้าที่ ติดอยู่ตรงผนัง ขนาดประมาณ 30 x 20 ซม. แต่ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร ตรงกับทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) ที่ออกมาให้ความเห็นว่า โฟมที่พบเป็นการพบในบางจุด ไม่ใช่ทั้งส่วนของผนัง ถ้าไม่ใช่ความจงใจของทางโครงการ ก็คงเป็นเพราะความสะเพร่าของช่าง

เรื่องนี้ช่วยทำให้คนที่กำลังอยากเป็นเจ้าของคอนโดเริ่มต้องฉุกคิด ถึงเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ ความถูกต้องและความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร มากกว่าที่จะดูกันแค่ ความสวยงาม หรือสิ่งอำนวยความสะดวก

9 เรื่องสุดเงิบแห่งปี 2556 ของผู้บริโภคไทย “สตาร์บัง” ติดกับเขาด้วย
7.ตามหาช้างกับเมเจอร์

เมื่อกลางปี 2556 มีคลิปที่ถูกกระหน่ำแชร์ในโลกออนไลน์ ถึงเหตุการณ์ที่ผู้จัดการโรงหนังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โต้เถียงกับลูกค้าอย่างดุเดือดเรื่องการบริการ สิ่งที่ตามมาคือกระแสวิจารณ์ในทางลบต่อโรงหนัง จนเมเจอร์อยู่เฉยไม่ไหวต้องทำหนังสือชี้แจงบวกกับการลงโทษพนักงานของตัวเอง ล่าสุดหนังเรื่อง “ต้มยำกุ้ง 2” ถูกปรับขึ้นราคาค่าตั๋วอีก 20 บาทต่อที่นั่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า “หนังลงทุนสูงกว่า 500 ล้านบาท ด้วยเทคโนโลยีระดับฮอลลีวูด” จึงมีคนตั้งข้อหาว่าเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไปหรือไม่ เพราะขนาดสหมงคลฟิล์มเจ้าหนัง ยังออกตัวว่าไม่มีเอี่ยวเรื่องการขึ้นราคาตั๋ว เมื่อลองสืบสวนหาสาเหตุ พบว่า เพราะมีโปรโมชั่นพิเศษ หากนำชิ้นส่วนฉลากมาม่ามาแสดงตอนซื้อตั๋วจะได้ลดราคาค่าตั๋วทันที 20 บาท คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่วิธีส่งเสริมการตลาดที่ทั้งเมเจอร์และมา ม่าตั้งใจทำร่วมกัน

9 เรื่องสุดเงิบแห่งปี 2556 ของผู้บริโภคไทย “สตาร์บัง” ติดกับเขาด้วย
8.จุดเทียนถาม หาความเป็นธรรม

เรื่องเศร้าที่ไม่ควรจะเกิด เมื่อ 2 พี่น้องชาวพิษณุโลก คนพี่อายุ 13 ปี ส่วนคนน้องอายุ 9 ขวบ เสียชีวิตคากองเพลิง จากเทียนไขที่จุดทิ้งไว้ เนื่องจากที่บ้านถูกการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.พิษณุโลก ตัดไฟ เพราะไม่ได้จ่ายค่าไฟ เลยจำเป็นต้องจุดเทียนเพื่อส่องสว่างตอนทำการบ้าน แต่ไฟเกิดลุกไหม้บ้านจนเกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่สังคมจะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กฟภ.ว่าใจดำไปหรือไม่ ที่ตัดไฟฟ้าคนยากคนจนแบบนี้ ทั้งที่ยอดค่าไฟที่ค้างอยู่ของครอบครัวนี้คือ 441 บาท 14 สตางค์เท่านั้น ขณะที่มีคนเปรียบเทียบว่าที่หน่วยงานราชการหลายแห่ง ค้างค่าไฟเป็นหลักล้านแต่ กฟภ. ไม่เห็นดำเนินการใดๆ ซึ่ง กฟภ.ทำได้แค่ออกมาแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และชี้แจงว่าการตัดไฟบ้านที่ค้างชำระค่าบริการ เจ้าหน้าที่ต้องทำไปตามหน้าที่

เรื่องนี้ปลุกให้ กฟภ.ตื่นตัว ลุกขึ้นมาปรับปรุงระบบการแจ้งเตือนค้างจ่ายค่าไฟฟ้า โดยจะขยายเวลาก่อนที่จะดำเนินการตัดไฟ จากเดิม 7 วัน เพิ่มเป็น 2 เดือน เริ่มตั้งแต่การส่ง sms ให้ชำระค่าบริการไปยังโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปเจรจาถึงบ้าน หากครบกำหนด 2 เดือนแล้วยังไม่มีการชำระค่าบริการจึงจะมีการดำเนินการตัดไฟ แถมยังมีแนวคิดยกเลิกเรื่องการตัดไฟแต่จะให้ผู้ใช้เลือกจ่ายเป็นดอกเบี้ยแทน แต่ก็ต้องศึกษาความเป็นไปได้ เพราะในความเป็นจริงหากผู้ใช้ไฟไม่สามารถชำระค่าไฟได้ แล้วจะมีกำลังพอที่จะชำระดอกเบี้ยได้หรือไม่ ต้องมีการพิจารณาหาความเหมาะสมกันต่อไป

ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 8 แสนรายที่มีปัญหาค้างค่าไฟ และในจำนวนนี้ 2 แสนรายมีโอกาสเสี่ยงที่จะต้องถูกตัดไฟ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวยากจนตามชนบท กฟภ. ต้องหามาตรการดูแลจัดการในเรื่องนี้ที่ไม่เป็นการทำร้ายและเอาเปรียบผู้ บริโภคจนเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำอีก

9 เรื่องสุดเงิบแห่งปี 2556 ของผู้บริโภคไทย “สตาร์บัง” ติดกับเขาด้วย
และ 9.เปิบข้าว

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับมูลนิธิชีววิถี จับมือซื้อข้าวถุงบรรจุ 5 กิโลกรัมไปทดสอบหาสารรมควันข้าว ชื่อเมทิลโบร์ไมด์ ว่ามี/ไม่มี เกิน/ไม่เกิน เพื่อหวังช่วยหาคำตอบให้กับสังคม จากนั้นจึงแถลงว่า ข้าวถุงที่นำไปทดสอบ พบว่ามีเมทิลโบร์ไมด์ ตั้งแต่ “ไม่มีเลย และมีน้อยมากไปจนถึงมากเกินมาตรฐาน” แต่มีการตีข่าวว่าทำไปเพื่อดิสเครดิต แต่สุดท้าย อย.ก็มีผลทดสอบตรงกับของมูลนิธิฯ ยืนยันว่า เป็นยี่ห้อเดียวกัน เมื่อปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมี เลยกลายเป็นแก้เกี้ยวว่า “เอาข้าวล้างน้ำเยอะหน่อย” ก่อนหุงเท่านี้ก็ปลอดภัย
 

พิมพ์ อีเมล