ผลสำรวจพบ 70 % นิยมกิน’ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร’ ส่งผลเสียสุขภาพไม่รู้ตัว!

591013 health medicine 1
นพ.ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม รายงานในปี 2558 มีมูลค่ากว่า 49,000 ล้านบาท และพบว่าตลอดทั้งปี 2559 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 53,000 ล้านบาท ทำให้ผู้ผลิตมีการแข่งขันการโฆษณาผลิตภัณฑ์โดยเน้นคุณประโยชน์การบำรุงสมอง บำรุงสุขภาพ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน จนก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างสุขภาพ

นพ.ประภาสกล่าวว่า ล่าสุด ในเดือนตุลาคม 2559 สบส.ได้สำรวจความคิดเห็นในเรื่องพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป 4 ภาค รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 512 คน พบว่ากลุ่มตัวอย่างยังมีความเข้าใจในเรื่องการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง โดยร้อยละ 70 คิดเห็นว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นสิ่งจำเป็นต้องรับประทานเป็นประจำ พบในกลุ่มอายุ 21-30 ปีมากที่สุด ร้อยละ 74 รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 31-40 ปี ร้อยละ 72 เมื่อแยกตามระดับการศึกษา พบว่ากลุ่มผู้ที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีมีความคิดเห็นเรื่องนี้สูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 77 เมื่อแยกรายภาค พบว่าภาคใต้สูงที่สุด ร้อยละ 88 รองลงมา กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร้อยละ 68 เมื่อแยกรายอาชีพพบในกลุ่มพ่อบ้าน/แม่บ้านมากที่สุด ร้อยละ 77 รองลงมา กลุ่มธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 74

“ผลสำรวจนี้สะท้อนถึงความเข้าใจ ความเชื่อที่อาจส่งผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของประชาชน อาจจะลดการบริโภคอาหารมื้อหลัก หรือรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายตามมาได้ เช่น อาจทำให้ขาดสารอาหาร โดยเฉพาะเด็กในวัยเรียนซึ่งจะต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพื่อนำไปพัฒนาสมอง ร่างกาย ให้เจริญเติบโต หากเป็นวัยทำงานก็อาจจะควบคุมน้ำหนักตัวผิดวิธี โดยพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแทนซึ่งอาจนำอันตรายมาสู่ชีวิตได้ ดังนั้นในการสร้างสุขภาพดีประชาชนทุกคนควรต้องหันมาสนใจเรื่องการบริโภค และการใช้พฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องแทนการพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน” นพ.ประภาสกล่าว

รองอธิบดี สบส.กล่าวอีกว่า จะเร่งให้ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนทุกกลุ่มวัยเพื่อให้เกิดปัญญาทางสุขภาพ สามารถดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการปรับพฤติกรรมตนเองใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การรับประทานอาหารอย่างสมดุลให้ครบทั้ง 5 หมู่ รับประทานผักสด ผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัมขึ้นไป จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหวาน เค็ม มัน และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด จะช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งได้ ร้อยละ 20-30 ชะลอความแก่ และเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันโรค 2.ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน จะช่วยลดความเสี่ยงและการเสียชีวิตจากโรคเรื้อรัง และช่วยผ่อนคลายความเครียด 3.นอนหลับอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ซ่อมแซมเซลล์หรืออวัยวะที่สึกหรอ และปรับสมดุลฮอร์โมนของร่างกาย

 

ข้อมูลจาก นสพ.มติชนออไลน์ 
ภาพประกอบจาก internet

พิมพ์ อีเมล