ที่นอน มีผลอย่างมากต่อสุขภาพของผู้นอน ทั้งเรื่องสรีระและเรื่องโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ดังนั้น จึงควรรู้วิธีการเลือกลักษณะที่นอนอนตัดสินใจซื้อ
ที่นอนที่ดีนั้นไม่ควรนิ่มหรือแข็งเกินไป ซึ่งในความเป็นจริงที่นอนแบบนิ่มมีโอกาสที่จะทำให้ปวดหลังได้มากกว่าแบบแข็ง ความแน่นของที่นอน (Firmness) ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน เช่น คนที่รูปร่างใหญ่ จะเหมาะกับที่นอนแน่นเป็นพิเศษ ที่นอนควรรองรับกับสภาพร่างกายได้ ชั้นโอบรับของที่นอน (Conformity) ต้องเข้ากับส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและนอนหลับสบายขึ้น นอกจากนั้นที่นอนควรรับน้ำหนักได้ดี ป้องกันการยุบตัว และไม่เกิดการลื่นไหลเวลานั่งขณะขึ้นหรือลงจากที่นอน
ชนิดของที่นอนมีหลายชนิด ทั้งที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์และวัสดุธรรมชาติ ควรเลือกชนิดที่มีความนุ่มพอเหมาะและมีสปริงโอบรับน้ำหนักร่างกาย ไม่มีแรงกดทับ วัสดุที่ใช้ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ไม่มีไรฝุ่น เมื่อใช้งานนานๆ แล้วไม่ยุบตัว สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่สะสมความชื้นและเชื้อแบคทีเรีย ปลอกที่นอนสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย ในปัจจุบันนิยมใช้ที่นอนที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติ ซึ่งมีคุณภาพสูง แต่ราคาแพง
เมื่อใช้ที่นอนนานเกิน 6 เดือน ควรกลับที่นอนอีกด้านหนึ่งขึ้นมาใช้ เพื่อไม่ให้ที่นอนถูกใช้งานเพียงด้านเดียว จะทำให้ที่นอนเสื่อมสภาพเร็ว และควรกลับด้านหัวนอนและปลายเท้าสลับกันด้วย เพื่อใช้งานอย่างทั่วถึงทั้งสี่ด้าน
ไรฝุ่นเป็นสัตว์ที่กินเศษผิวหนังและรังแคเป็นอาหาร จึงพบมากในห้องห้องนอนและเครื่องนอนต่างๆ ที่ใช้งานมานาน ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ การเลือกที่นอน รวมทั้งผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่นจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ปลอดภัยได้มากขึ้น สามารถสอบถามจากผู้ขายหรือสังเกตคำว่า Microban Allergy Control สำหรับเป็นผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จากไรฝุ่น ถ้าไม่ได้ใช้ผ้าปูที่นอน หรือปลอกหมอนกันไรฝุ่น ควรซักผ้าด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อฆ่าไรฝุ่น และทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำทุกเดือน
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น