ค่าไฟ ค่าก๊าซ ค่าน้ำมัน เตรียมขึ้นราคา ประชาชนตายแน่ |
แผนพลังงานพีดีพี 2007 (ฉบับอัปยศ) คืออะไร |
คือแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2551-2564 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 ซึ่งกระทรวงพลังงานเป็นผู้จัดทำ และรัฐบาลในรูปของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา เป็นแผนพลังงานที่จะก่อให้เกิดสัญญาผูกพันระยะยาว 15 ปี ในการใช้เงินลงทุนมูลค่ากว่า 1.6 ล้านล้านบาทเพื่อแลกกับกำลังไฟฟ้า 3 หมื่นกว่าเมกะวัตต์ที่ไม่ได้มีความจำเป็นอย่างแท้จริง ด้วยการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และบริษัทเอกชนทำการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และพลังงานนิวเคลียร์เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากแผนพลังงานนี้คือ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ซึ่งจะมีรายได้จากการขายก๊าซธรรมชาติให้กับโรงไฟฟ้าของ กฟผ. และของบริษัทเอกชน ในสัดส่วนสูงกว่า 66% ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้จะถูกผลักมาให้ประชาชนทั้งประเทศต้องแบกภาระจ่ายเป็นค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน |
จำเป็นหรือไม่...ที่ประชาชนต้องแบกภาระ 1.6 ล้านล้านบาทเพื่อความโลภของ ปตท. |
ไม่จำเป็น...ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยใช้ไฟฟ้าสูงสุดเพียงแค่ 2.2 หมื่นกว่าเมกกะวัตต์เท่านั้น ในขณะที่โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในขณะนี้สามารถผลิตไฟฟ้ารวมกันได้เกือบ 3 หมื่นเมกะวัตต์ ต่างกันถึง 7,300 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองที่มากเกินพออยู่แล้ว แต่แผนพลังงานอัปยศที่เกิดจากร่วมมือของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงานบางคนที่ไปนั่งเป็นกรรมการในบริษัท ปตท. และบริษัทผลิตไฟฟ้าเอกชนหลายแห่ง กลับตอกย้ำภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ด้วยการสั่งปลดโรงไฟฟ้าเดิมของ กฟผ. ที่ใช้เงินภาษีของประชาชนสร้างขึ้นมาและยังใช้งานได้ ออกจากระบบ เช่น โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าลานกระบือ โรงไฟฟ้าสุราษฎร์-ธานี โรงไฟฟ้าหนองจอก โรงไฟฟ้าบางปะกง เหตุที่ทำเช่นนี้เพื่อตบตาประชาชนทำให้ตัวเลขกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองลดลง และให้โรงไฟฟ้าใหม่ที่ได้มีการเซ็นต์สัญญาไปแล้วและกำลังทยอยเซ็นต์สัญญาเพิ่มเติม สามารถแทรกเข้ามาอยู่ในแผนพลังงานอัปยศนี้ได้อย่างถาวร สิ่งที่เกิดขึ้นคือทำให้ประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 จนถึงปี พ.ศ. 2564 จะมีกำลังผลิตไฟฟ้ามากถึง 5 หมื่นเมกกะวัตต์ ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง คงไม่มีใครหน้าไหนที่จะไปใช้ไฟฟ้ามากมายขนาดนั้น |
ปตท.ยิ้มร่ารับแผนอัปยศ เตรียมขยับขึ้นค่าก๊าซ |
สัญญาณบ่งชี้เรื่องนี้คือ คณะกรรมการกิจการพลังงาน(กพพ.) ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าบริการผ่านท่อส่งก๊าซธรรมชาติหรือค่าผ่านท่อก๊าซ ที่ ปตท. ร้องขอโดยอ้างว่าต้องลงทุนท่อก๊าซเพิ่มเติมตามแผนพีดีพี 2007 โดยค่าผ่านท่อก๊าซจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 19.74 บาทต่อล้านบีทียูเป็น 21.76 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งความจริงแล้ว ปตท. ไม่มีสิทธิ์มาคิดค่าผ่านท่อก๊าซและราคาควรจะลดลงด้วยซ้ำ เพราะศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ ปตท. ต้องคืนท่อก๊าซทั้งหมดให้กับรัฐเนื่องจากได้มาด้วยการเวนคืนโดยอาศัยอำนาจรัฐถือเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน แต่ ปตท. ทำการคืนทรัพย์สินเพียงแค่ 16,000 ล้านบาท ในขณะที่ ปตท.ประเมินต้นทุนค่าท่อเพื่อใช้ในการคำนวณขอขึ้นราคาค่าผ่านท่อสูงถึง 90,000 ล้านบาท การขึ้นค่าผ่านท่อครั้งนี้ส่งผลให้ประชาชนต้องรับภาระค่าไฟฟ้าสูงถึง 4,500 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ ก๊าซแอลพีจี ปตท. พยายามผลักดันให้รัฐบาลปล่อยลอยตัวตามราคาน้ำมันมาโดยตลอด และก๊าซเอ็นจีวี ปตท. ก็เตรียมพร้อมที่จะทยอยปรับราคาขึ้นตามลำดับหากได้รับการอนุมัติ โดย ปตท. มีแผนจะให้ขึ้นจาก 8.50 บาทต่อกิโลกรัมเป็นปีละ 1 บาทต่อกิโลกรัม |
ความผิดพลาดของแผนพลังงานอัปยศจะถูกยัดใส่ในค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ |
การลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จนล้นความต้องการ เพื่อหวังให้ผลิตไฟฟ้าได้มากๆ แต่ประเทศไทยไม่สามารถใช้ได้มากขนาดนั้นจะส่งผลให้โรงไฟฟ้าใหม่ที่สร้างขึ้นเป็นเพียงโกดังเก็บเครื่องปั่นไฟฟ้าเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกัน กฟผ.ในฐานะผู้รับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนและรับซื้อก๊าซจาก ปตท.ยังต้องจ่ายค่าซื้อไฟฟ้าและค่าก๊าซธรรมชาติอยู่ต่อไป ทั้งนี้มาจากเงื่อนไขสัญญาค่าโง่แบบ “ไม่ใช้ก็ต้องจ่าย” ค่าโง่ที่ กฟผ. ต้องจ่ายทั้งหมดนี้จะถูกผลักมาอยู่ในค่าไฟฟ้าอัตโนมัติให้ประชาชนรับผิดชอบแทนในท้ายที่สุด |
ประชาชนต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้รัฐบาลยกเลิกแผนพลังงานอัปยศโดยเร็ว |
ท่านที่ได้รับเอกสารนี้...กรุณานำไปถ่ายสำเนาอย่างน้อยคนละ 10 แผ่น และช่วยกันเผยแพร่ส่งต่อให้กับคนรอบข้างของท่านต่อ ๆ กันไป เพื่อให้รับรู้กันอย่างกว้างขวางถึงกลฉ้อฉลของกระทรวงพลังงาน ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในแผนพลังงานอัปยศนี้ เพื่อร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกแผนพลังงานอัปยศนี้โดยเร็ว เราไม่สามารถคาดหวังได้ว่าสื่อมวลชนหลักจะทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างเต็มที่หรือไม่ เพราะเจ้าของกิจการของสื่อส่วนใหญ่ ต่างได้รับผลประโยชน์ในรูปของเงินค่าโฆษณาที่บริษัทและหน่วยงานด้านพลังงานสนับสนุน ดังนั้น ประชาชนถึงประชาชน พวกเราต้องช่วยกัน |
ข้อเรียกร้องให้ยกเลิกแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(PDP 2007 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2)
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายพลังงานและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ที่ถูกบรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฯ ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าดังกล่าว และมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล , ประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ , ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน โดยผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดังต่อไปนี้
{mxc}