ใช้บริการทางการเงินผ่านมือถืออย่างไรให้ปลอดภัย
ในยุคที่โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน หลายกิจกรรมที่เราเคยทำก็เปลี่ยนไปอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งการพูดคุยกับเพื่อน ฟังเพลง ดูละคร รวมไปถึงการใช้บริการทางการเงินด้วย
เมื่อการจัดการการเงินกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว ระบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมและมีการใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยก็คือ ระบบชำระเงินออนไลน์ ทั้งการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Banking) และผ่านอินเทอร์เน็ต (Internet Banking) ทดแทนการใช้เงินสดแบบเดิม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชำระเงินออนไลน์จะสะดวก และรวดเร็ว แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางการเงินของเราด้วย
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) จึงอยากชวนทุกคนมาดูกันว่าการชำระเงินออนไลน์มีข้อดีและข้อควรระวังอย่างไรบ้าง
ข้อดี
(1) สะดวกไม่ต้องพกเงินสด บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตติดตัว ทั้งยังไม่ต้องเจอกับปัญหาการลืมบัตรไว้ที่ตู้หรือพนักงานคิดเงินลืมคืนบัตรอีกด้วย
(2) ไม่ต้องเดินทางไปชําระเงินที่ธนาคาร ตู้กดเงิน ร้านค้าหรือจุดที่รับชําระเงิน ไม่เหนื่อยแถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
(3) ไม่เสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงินระหว่างธนาคารเดียวกัน เช่น การโอนเงิน ถึงแม้จะเป็นการโอนข้ามเขตหรือข้ามจังหวัด รวดเร็วและประหยัด!
(4) เช็กยอดเงินผ่านระบบออนไลน์ได้ง่าย โอนเงินเสร็จแล้วก็มีรูปสลิปโอนเงินให้ทันที ส่งเป็นหลักฐานก็แสนง่าย
ข้อควรระวัง
(1) การตั้ง PIN/Password สำคัญมาก ควรตั้งให้ยากต่อการคาดเดา และเก็บรักษา User ID และ Password ให้เป็นความลับส่วนบุคคล หมั่นเปลี่ยน Password อยู่เป็นระยะ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ
(2) ให้ความสำคัญกับ SMS หรืออีเมล์ที่ได้รับจากธนาคาร และควรตรวจสอบยอดเงินคงเหลือทุกครั้งที่มีการชําระเงิน
(3) ควรศึกษาเงื่อนไข รูปแบบธุรกรรมและวิธีการรักษาความปลอดภัยที่ผู้ให้บริการได้นําเสนอก่อนการตัดสินใจใช้บริการ ก่อนเริ่มใช้บริการแอปพลิเคชันของธนาคาร อย่าลืมอ่านนโยบายเรื่องความปลอดภัยก่อนจะกดยอมรับด้วย
(4) ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และวิธีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้โทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะกรณีที่ใช้งานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แล้วก็ไม่ควรใช้ wifi ฟรีในการทำธุรกรรมทางการเงิน เพราะมีความเสี่ยงที่จะโดนมิจฉาชีพแฮคข้อมูลได้ง่ายมาก
(4) เช็กยอดเงินผ่านระบบออนไลน์ได้ง่าย