ขนหัวลุก! ไม่จ่ายค่าน้ำ-ไฟ-โทรศัพท์ติดประวัติในเครดิตบูโร

เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) วันที่ . จำนวนผู้ชม: 4942

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร เปิดเผยในการแถลงข่าว มิติใหม่เครดิตบูโร เมื่อ 26 ม.ค.ว่า

ขณะ นี้เครดิตบูโรอยู่ระหว่างการระดมความคิดเห็น เพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเครดิตบูโร ซึ่งจะเพิ่มเติมให้เครดิตบูโรจัดเก็บประวัติการชำระค่าระบบสาธารณูปโภค เช่นค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าโทรศัพท์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อนำเสนอรัฐบาลพิจารณาออกเป็นกฎหมายต่อไป และสามารถบังคับได้ภายใน 1-2 ปีนี้ เนื่องจากขณะนี้ทั่วโลกมีจัดเก็บข้อมูลประวัติการชำระค่าระบบสาธารณูปโภคแล้ว แต่ไทยยังไม่มีการจัดเก็บ ซึ่ง มีผลต่อการประเมินของธนาคารโลกที่จัดอันดับความน่าลงทุนและความยากง่ายในการ เข้ามาประกอบธุรกิจในไทย รวมทั้งเป็นข้อมูลพื้นฐานการพิจารณาสินเชื่อ

ทั้งนี้ ภายในปีนี้บริษัทจะพัฒนาคะแนนเครดิต หรือ (เครดิตสกอร์ริ่ง) ให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อเริ่มใช้ในเดือนเม.ย.54

ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการตัดสินใจปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่ต้องการขอสินเชื่อจากธนาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยระบบเครดิตสกอร์จะเป็นเครื่องมือวัดพฤติกรรมและความตั้งใจในการชำระหนี้ และจะทำให้สถาบันการเงินหันมาให้ความสำคัญกับคนที่มีวินัยทางการเงินและมี การคิดดอกเบี้ยเงินกู้ตามความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

นาย สุรพล ยังได้กล่าวถึง การเติบโตของบริษัทปี 54 จะอยู่ที่ 10-12% ทั้งจำนวนสมาชิกและฐานลูกค้าบัญชีสินเชื่อ จากปี 2553 เครดิตบูโรมีสมาชิก 72 ราย เพิ่มเป็น 80 ราย  โดยขณะนี้มีบริษัทให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) ในต่างจังหวัดจำนวนมากสนใจที่จะเข้าเป็นสมาชิกเครดิตบูโร รวมถึงเตรียมหารือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสหกรณ์ต่างๆ ที่มีความพร้อมให้เข้ามาสู่ระบบของเครดิตบูโรด้วย

ในส่วนของการแก้ไขข้อมูลผู้ที่มีรายชื่อในแบล็กลิสต์นั้น นายสุรพล ยอมรับว่าได้รับการร้องเรียนมาจากผู้บริโภคอย่างมาก เนื่องจากบริษัทไม่สามารถลบข้อมูลออกได้ก่อน 3 ปีหลังจากชำระสินเชื่องวดสุดท้ายไปแล้วนั้น เพราะต้องมีการตรวจสอบวินัยทางการเงินของผู้กู้อย่างต่อเนื่องสักระยะและการ กำหนด 3 ปีนั้นถือว่าไม่ยาวนาน  เมื่อเทียบกรณีสหรัฐกำหนดยาวนานถึง 7 ปี อังกฤษ 6 ปี

วันพฤหัสบดี ที่ 27 มกราคม 2554 นสพ.ฐานเศรษฐกิจ

พิมพ์