ฟ้องเทศบาลนนฯ ให้ยกที่ดินเป็น ‘ปอดของหมู่บ้าน’

59063 news2
เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ที่ผ่านมา ชาวบ้านหมู่บ้านประชานิเวศน์ ๓ จ.นนทบุรี จำนวนกว่า ๒๐ คนยื่นฟ้องเทศบาลนครนนทบุรี เป็นจำเลย ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี โดยขอให้ศาลสั่งให้เทศบาลฯ จดทะเบียนที่ดินให้เป็นภาระจำยอม และยุติการรบกวนการใช้ที่ดิน ห้ามก่อสร้างใดๆ

หนึ่งในชาวบ้าน ผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่า พื้นที่ดังกล่าวมีขนาด ๗ ไร่ โดยสนามนี้เป็นที่กว้าง ชาวบ้านก็ใช้ที่บริเวณดังกล่าวสัญจรผ่านเข้าออก เด็กๆ ใช้เล่นฟุตบอล หรือจัดกิจกรรมของหมู่บ้าน เช่น งานปีใหม่ วันเด็ก จัดอาหารเลี้ยงเด็กในหมู่บ้าน แต่เทศบาลฯ จะนำไปสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาคารอเนกประสงค์ ๔ ชั้น โรงยิม หอพักชาย หญิงและอาคารเรียนอีก ๕ ชั้น โดยใช้เต็มพื้นที่

ผู้เสียหายคนเดิม กล่าวต่อไปว่า ชาวบ้านก็เป็นห่วงว่าหากมีอาคารเหล่านี้ก่อสร้างขึ้นมา การระบายน้ำเสียจะเป็นอย่างไร เพราะทุกวันนี้ฝนตกหนักน้ำก็ท่วมแล้ว จะคล้ายเป็นชุมชนแออัด ไม่มีอากาศถ่ายเท เพราะขณะนี้แค่กั้นรั้วสังกะสีก็บังลมแล้ว


“เราไม่อยากให้เขาสร้าง เพราะมันแออัดเกินไป ถ้าเพิ่มเข้ามาอีกก็จะเพิ่มมลภาวะ เราอยากให้เขาทำที่พักผ่อนหย่อนใจ มีลานเดินออกกำลังกาย ให้ต้นไม้ที่เราช่วยกันปลูกยังอยู่ ให้เป็นปอดของหมู่บ้าน” ชาวบ้านให้ความเห็น

ผู้ได้รับผลกระทบ กล่าวต่อไปว่า เทศบาลฯ ไม่บอกวิธีแก้ไขให้ชุมชนเลยว่าจะแก้ไขอย่างไรกับผลกระทบ ไม่มีการอธิบาย โดยบอกว่าจะนัดชาวบ้านไปคุย แต่ก็ไม่นำคนบริเวณที่จะเกิดปัญหาไปคุย ไปนำคนบริเวณอื่นมา ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ จึงเหมือนมัดมือชก ชาวบ้านเลยตั้งตัวไม่ติด จึงรวมตัวกันฟ้องศาลว่า ชาวบ้านใช้พื้นที่นี้มาก่อน โดยที่เทศบาลฯ ไม่เคยว่ากล่าว

ด้านนางสาวจินตนา โตสิตระกูล ทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ชาวบ้านกว่า ๒๐ คนไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของเทศบาลฯ จนได้ภาระจำยอมโดยอายุความ คือ ใช้บริเวณดังกล่าวมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๖ ที่การเคหะฯ ขายที่ดินให้เทศบาลฯ แต่ชาวบ้านก็ยังใช้ประโยชน์ในที่ดินบริเวณนั้นอยู่

“เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เทศบาลฯ นำกำลังตำรวจ ทหาร จะมารื้อต้นไม้ ชาวบ้านก็ไม่ยอม จนเทศบาลมาล้อมรั้วก่อสร้าง ซึ่งชาวบ้านสู้ไม่ได้ โดยบริเวณที่เทศบาลฯ จะสร้างดันอยู่ใจกลางหมู่บ้าน มีบ้านของชาวบ้านอยู่บริเวณนั้น ๕๐๐ – ๖๐๐ หลัง เทศบาลฯ จะมาสร้างอาคารเพื่อรบกวนสิทธิชาวบ้านไม่ได้” ทนายความกล่าว

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว เกิดจากที่การเคหะแห่งชาติจัดสร้างหมู่บ้าน “เคหะชุมชนประชานิเวศน์ ๓” ขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๒๕ โดยประชาสัมพันธ์ว่าภายในพื้นที่โครงการได้จัดให้มีบริการสาธารณูปโภค และกำหนดพื้นที่เพื่อสร้างโรงเรียนอนุบาล พร้อมพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ต่อมา การเคหะฯ ขายที่ดินส่วนกลางให้กับเทศบาลฯ ขณะที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวอย่างต่อเนื่องโดยไม่เคยขอความยินยอม มีการร่วมกันปลูกต้นไม้ในที่ดินดังกล่าว รวมถึงใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เดิน วิ่ง ออกกำลังกาย เล่นกีฬา จัดกิจกรรมต่างๆ ในชุมชน ตั้งแต่ปี ๒๕๔๗

ต่อมา เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๙ เทศบาลฯ นำเครื่องกีดขวางมาวาง นำอุปกรณ์ก่อสร้างเข้ามาในที่ดิน ก่อสร้างเสียงดัง รวมทั้งโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ปลูกเกินกว่า ๑๐ ปีไปหลายต้น จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านรวมตัวกันฟ้องคดีต่อศาล

02

01

พิมพ์ อีเมล