ศาลสั่ง กทม.รื้อตึกสูง ซอยร่วมฤดี เหตุล่าช้ากว่า 2 ปี

590930 chalempong

ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการเขตปทุมวันและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รื้อตึกสูงผิดกฎหมาย ในซอยร่วมฤดีตามคำบังคับคดีศาลปกครองสูงสุด หลังปล่อยเรื่องยืดเยื้อมากว่า 2 ปี

วันนี้ 30 กันยายน 2559 เวลา 10.30 น. ห้องพิจารณาคดีที่ 9 ศาลปกครองกลางนัดฟังคำสั่งไต่สวนคำร้องของผู้ฟ้องคดีทั้ง 24 ราย ในคดีหมายเลขดำที่ 1475 / 2551 คดีระหว่าง นายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ กับพวก 24 ราย กับ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร กรณีผู้อำนวยการเขตปทุมวันและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำบังคับคดีของศาลปกครองสูงสุด

โดย ศาลปกครองกลางมีคำวินิจฉัยว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ อ.588/2557 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2557 ตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น แม้ต่อมาจะปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นบังคับคดีว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีคำสั่งตามมาตรา 40 (1) และ (2) และ มาตรา 41 แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 โดยให้ระงับการก่อสร้างอาคาร ห้ามใช้อาคารและให้แก้ไขอาคารและยื่นคำขอใบอนุญาตแล้วก็ตาม แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าของอาคาร ในฐานะผู้ร้องสอดทั้งสองมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองก็ยังมิได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องสอดทั้งสองดำเนินการรื้อถอนอาคารหรือดำเนินการรื้อถอนเองตามมาตรา 42 และมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวแต่อย่างใด

ดังนั้น ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ครบถ้วน โดยให้ใช้อำนาจตามมาตรา 42 และ 43 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ดำเนินการกับอาคารของผู้ร้องสอดทั้งสองโดยเร็ว และรายงานผลให้ศาลทราบทุกระยะจนกว่าจะได้มีการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำบังครับของศาลปกครองถูกต้อง

นายเฉลิมพงษ์ กลับดี ทนายความอาสา ศูนย์ทนายความอาสามูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเจ้าของคดีกล่าวว่าคดีนี้ใกล้ถึงที่สุดแล้ว ที่ผ่านมา เขตปทุมวันและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เลือกใช้คำสั่งเพียง 2 มาตรา คือ มาตรา 40 และ 41 เพียงเท่านั้น โดยไม่ทำอะไรต่อ จนทำให้เกิดความเสียหาย

"วันนี้ศาลปกครองมีคำสั่งให้ใช้มาตรา 42 รื้อ อาคารออก แต่หากไม่ปฏิบัติให้ใช้มาตรา 43 โดยให้เจ้าพนักงานควบคุมอาคารเข้ารื้อถอนโดยให้เจ้าของอาคารเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ซึ่งต่อจากนี้ เขตปทุมวันและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็จะต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด” นายเฉลิมพงษ์กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> ชาวบ้านซอยร่วมฤดีร้องศาลไต่สวนฉุกเฉิน เหตุคำสั่งบังคับคดีรื้อถอน รร.ดิเอทัส ล่าช้าเกินสมควร
>> ศาลปกครอง ลงดาบ! สนง.เขตปทุมวัน-กทม. สั่งรื้อถอนอาคารสูงภายใน 60 วัน เหตุกระทบชุมชนร่วมฤดี
>> ศาลปกครองสั่งกทม.ทุบ โรงแรมกลางซอยร่วมฤดี ผิดพ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ
>> ศาลปกครองกลางตัดสิน ซอยร่วมฤดีกว้างไม่ถึง 10 เมตรตลอดแนวจริง
>> ชาวบ้านซอยร่วมฤดี ลุ้นคำพิพากษา หลังศาลปกครองพิจารณาคดีเสร็จสิ้น
>> กรมที่ดินวัดซอยร่วมฤดีตามคำสั่งศาลปกครอง พบกว้างไม่ถึง 10 เมตรตลอดแนวจริง
>> ตลก.ศาลวัดความกว้างซ.ร่วมฤดีก่อนสั่งระงับ
>> ศาลปกครองกลางลงพื้นที่ เผชิญสืบความกว้างซอยร่วมฤดี เพื่อพิจารณา ผู้อำนวยการเขตปทุมวันและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครละเลยต่อหน้าที่

พิมพ์ อีเมล