มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคหวั่นปัญหาหนี้บัตรเครดิตพุ่งเปิดคลินิคให้คำปรึกษาครบวงจร ร้องรัฐเร่งออกกฎหมายทวงหนี้ที่เป็นธรรม

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคหวั่นปัญหาหนี้บัตรเครดิตพุ่งเปิดคลินิคให้คำปรึกษาครบวงจร ร้องรัฐเร่งออกกฎหมายทวงหนี้ที่เป็นธรรม

สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมาตรการหนึ่งคือการออกบัตรเครดิตพลังงาน บัตรเครดิตเกษตรกร ให้กับกลุ่มประชาชนที่ประกอบอาชีพรถโดยสารรับจ้างและกลุ่มเกษตรกรนั้น

วันนี้(4 กันยายน 2554 ) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ได้มีการแถลงข่าวร่วม เพื่อแสดงข้อห่วงใยในการใช้มาตรการดังกล่าวเข้าแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนว่าอาจจะทำให้ประชาชนมีความทุกข์เพิ่มขึ้นได้หากรัฐบาลไม่มีมาตรการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นที่ชัดเจนดีพอ

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า หากรัฐบาลจะใช้มาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวเข้าถึงการใช้บัตรเครดิต รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างเพียงพอและชัดเจน เช่น การกำหนดฐานรายได้และยอดวงเงินรวมของผู้ถือบัตรเครดิตให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำหนี้ได้อย่างเหมาะสม การแก้ไขอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต้องไม่เกินร้อยละ 15 จึงจะถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม การมอบหมายให้มีหน่วยงานดูแลรับผิดชอบที่ชัดเจนในการรับเรื่องร้องเรียน ให้คำปรึกษา และให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิตอย่างฉลาด ปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดคือต้องมีหน่วยงานชัดเจนในการทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องในวิธีบริหารการเงินของครัวเรือนอย่างมีประสิทธิภาพ  อีกทั้งต้องเร่งออกกฎหมายติดตามทวงถามหนี้ที่เป็นธรรม หากไม่มีมาตรการป้องกันใดๆเลย ความเสี่ยงต่างๆจะตกอยู่กับผู้ถือบัตรเครดิตทั้งหมด และจะเป็นอันตรายต่อฐานะทางการเงิน ฐานะครอบครัวโดยเฉพาะกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือรายได้ไม่แน่นอน

“ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนสิงหาคม ปี 2554 นี้ ปัญหาที่มีการร้องเรียนและขอคำปรึกษาเข้ามาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคมากเป็นอันดับหนึ่ง เป็นปัญหาเกี่ยวกับการเงินหนี้สินของผู้บริโภคโดยมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 50 ของเรื่องร้องเรียนทั้งหมด และที่นำมาเป็นอันดับหนึ่งในปัญหากลุ่มการเงินและหนี้สินคือปัญหาหนี้บัตรเครดิตซึ่งมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 50 ของกลุ่มปัญหาเรื่องหนี้สินทั้งหมด ยอดร้องเรียนในลักษณะนี้เป็นมาตั้งแต่ช่วงปี 2547-2548 ที่ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงบัตรเครดิตโดยไม่ได้กำหนดฐานรายได้ ไม่มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้ชัดเจน ไม่มีการให้ข้อมูลที่เพียงพอครบถ้วนในการเลือกใช้บัตรเครดิตอย่างเหมาะสมทำให้ผู้ถือบัตรเครดิตจำนวนมากประสบปัญหาหนี้สินมาจนถึงวันนี้ ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้ใช้ความระมัดระวังและมีมาตรการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนและเพียงพอ” นายอิฐบูรณ์ กล่าว

นายชูชาติ  บุญยงยศ ประธานชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวว่า ชมรมฯได้เปิดพื้นที่ให้คำปรึกษากับผู้มีปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลบนเว็บไซต์ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค www.consumerthai.org มีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกที่ตรวจสอบได้ ณ ปัจจุบันจำนวน 10,023 ราย แต่คาดว่ามีผู้ที่เข้ามาอ่านโดยไม่ลงทะเบียนอีกหลายเท่าตัว มีการตั้งกระทู้และแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนในปัญหาหนี้สินมากถึง 94,179 กระทู้ ส่วนใหญ่พบว่า ลูกหนี้บัตรเครดิตจำนวนมากถูกบีบคั้นกดดันจากกลุ่มรับจ้างทวงหนี้ จนทำให้รู้สึกว่าตนตกอยู่ในสภาวะทางตันไม่มีทางออก และใช้วิธีการแก้ไขปัญหาที่ไม่เหมาะสม  เช่น การยอมปรับโครงสร้างหนี้โดยที่มีหนี้รอคิวอยู่อีกหลายบัตร และตนเองมีรายได้ไม่มากขณะที่มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่รัดตัว บางคนเลือกลาออกจากงานเพราะอับอายที่ถูกทวงหนี้ แต่ที่หนักที่สุดคือถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเองหรือครอบครัว

“จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องมีมาตรการมารองรับอย่างเร่งด่วน โดยต้องปรับอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 20 สินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ร้อยละ 28 และยังไม่รวมค่ารรมเนียมต่างๆอีก ให้ลดลงมาอย่างน้อยไม่เกินร้อยละ 15 โดยให้รวมค่ารรมเนียมต่างๆอยู่ในอัตราดอกเบี้ยนี้ด้วย นอกจากนี้ควรเร่งออกกฎหมายการติดตามทวงถามหนี้โดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดการข่มขู่กดดันดูหมิ่นเหยียดหยามลูกหนี้อย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากแนวทางการติดตามทวงถามหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ขอความร่วมมือกับสถาบันการเงินต่างๆนั้น ไม่มีผลปฏิบัติในความเป็นจริงเลย” นายชูชาติกล่าว

ด้วยความห่วงใยต่อมาตรการของรัฐบาลและความพยายามช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล จึงได้ร่วมกันกางแผนรับมือปัญหาหนี้บัตรเครดิต ด้วยการเปิดคลินิกให้คำปรึกษาปัญหาแบบตัวต่อตัวที่สำนักงานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซอยราชวิถี 7 ในวันทำการจันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. และสามารถขอคำปรึกษาได้ตลอดเวลาที่เว็บไซต์มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในส่วนชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ www.consumerthai.org/debt/

ผู้ที่สนใจ ติดต่อสอบถามข้อมูลและจองคิวขอคำปรึกษาได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-2483734-37

พิมพ์ อีเมล