ชาวบ้านซอยร่วมฤดีร้องศาลไต่สวนฉุกเฉิน เหตุคำสั่งบังคับคดีรื้อถอน รร.ดิเอทัส ล่าช้าเกินสมควร

590826 news2
ศาลปกครองนัดไต่สวนฉุกเฉินกรณีชาวซอยร่วมฤดียื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนหรือแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม กรณีการดำเนินการตามคำสั่งบังคับคดีรื้อถอน รร.ดิเอทัส ล่าช้าเกือบ 2 ปี โดยพบว่าผู้ประกอบการยังไม่ดำเนินการแก้ไขพื้นที่ตามคำพิพากษาบังคับคดีแต่อย่างใด

วานนี้ (25 ส.ค.59) เวลา 13.30 น. ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเรียกนัดไต่สวนคู่กรณีระหว่าง นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ พร้อมพวกรวม ๒๔ คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน พร้อมพวกรวม ๒ คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) และ บริษัท ลาภประทาน จำกัด (ผู้ร้องสอด) เพื่อทำการไต่สวนตามคำยื่นร้องขอของผู้ฟ้องคดี กรณีผู้ถูกฟ้องคดีมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองโดยปฏิบัติล่าช้าเกินควร เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงในการบังคับคดีและเพื่อบังคับคดีให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว โดย นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ นายขวัญแก้ว วัชรโรทัย และนายกฤษฎา กิตติพันธ์เลิศ ในฐานะผู้ฟ้องคดีและผู้รับมอบอำนาจจากผู้ฟ้องคดีที่ยื่นขอให้ศาลสั่งบังคับคดี โดยมี นายเฉลิมพงษ์ กลับดี เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจจากผู้ฟ้องคดีทั้ง 24 คน

หลังการไต่สวน พบว่าเหตุที่การบังคับคดีเป็นไปด้วยความล่าช้า เนื่องด้วยหลังจากที่ทางสำนักงานเขตปทุมวันได้มีคำสั่งตามมาตรา 40 และ 41 ของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้ดำเนินการแก้ไขอาคารของโรงแรมดิเอทัสในซอยร่วมฤดี ของบริษัท ลาภประทาน จำกัด ภายใน 60วันนั้น ทางผู้ร้องสอดได้มีการยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ ดังนั้นทางสำนักงานเขตปทุมวันจึงต้องรอผลการพิจาณาจากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ เป็นเหตุให้การดำเนินการตามคำสั่งบังคับคดีดังกล่าวนั้นเกิดความล่าช้าเกือบ 2 ปี

ทั้งนี้ในส่วนผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำชี้แจงข้อเท็จจริงและคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน และทางฝั่งผู้ถูกฟ้องคดีได้ทำคำชี้แจงการดำเนินการตามคำบังคับต่อศาล โดยศาลได้รับไว้พิจารณาเพื่อหารือในองค์คณะและจะมีคำสั่งแจ้งผู้เกี่ยวข้องอีกครั้ง

chaloampong
นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความอาสาเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ทนายความในคดีนี้กล่าวว่า ประเด็นในการพิจารณานั้น ได้มีการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเสร็จสิ้นแล้ว และ ผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองสูงสุดให้ถูกต้องครบถ้วนหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าเช้าเกินไป

“ ที่ต้องขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินครั้งนี้ เพราะคดีนี้นับแต่ศาลตัดสินผ่านไปนานมาก แต่ยังไม่มีการบังคับตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด พบว่าสองปีที่ผ่านมา ได้ดำเนินการเพียงแจ้งคำสั่งระงับการก่อสร้าง ห้ามใช้อาคารเท่านั้น แต่ยังไม่ได้มีคำสั่งให้แก้ไขอาคาร ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่การใช้อำนาจฝ่ายบริหารในการออกคำสั่งปกติ แต่เป็นการต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาให้เสร็จไป เพราะหากให้มีการอุทธรณ์คำสั่งได้แบบนี้ หากคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ ขัดกับคำพิพากษาจะต้องถือปฏิบัติตามคำสั่งใด อาจเกิดปัญหาได้ จึงมีการขอให้ศาลพิจารณาเพื่อให้มีคำสั่งปรับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง และแจ้งผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับดูแลผู้ควบคุมหรือนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการปฏิบัติตามคำพิพากษาบังคับคดีให้สิ้นสุดโดยเร็ว” ทนายความผู้รับมอบอำนาจกล่าว

ข่าวก่อนหน้าเพิ่มเติม http://www.consumerthai.org/2015/index.php/news/ffc-news/47-60.html ศาลปกครอง ลงดาบ! สนง.เขตปทุมวัน-กทม. สั่งรื้อถอนอาคารสูงภายใน 60 วัน เหตุกระทบชุมชนร่วมฤดี

พิมพ์ อีเมล