ถกเข้มวางมาตรการกัน ‘ไข้หวัดหมู’

            นายวิทยา แก้วภารดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่พบการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดหมูในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกกำลังเข้าไปพิสูจน์ยังประเทศแม็กซิโก และรอประกาศถึงระดับความรุนแรง โดยในวันนี้ (27 เม.ย.) กระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการรวบรวมข้อมูล และเตรียมความพร้อมเพื่อวางหลักเกณฑ์ถึงการเฝ้าระวังหากเกิดการระบาดในประเทศไทย หน่วยปฏิบัติการต้องรับรู้ และสามารถใช้ห้องชันสูตรเพื่อพิสูจน์โรคได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับประสานงานกับกรมปศุสัตว์ แม้ข้อเท็จจริงที่ได้รับเบื้องต้นหวัดพิษที่แพร่ระบาดไม่ได้เกิดจากหมูมาสู่คน แต่เป็นไข้หวัดที่มีสายพันธุ์ในพันธุกรรมบางประการที่เกี่ยวข้องกับหมู แต่การแพร่ระบาดจะเป็นการแพร่จากคนมาสู่คนมากกว่า ซึ่งแตกต่างจากกรณีไข้หวัดนกที่แพร่จากสัตว์ปีกมาสู่คน ทั้งนี้เกรงว่าจะไม่มีใครกล้าบริโภคเนื้อหมู แต่หากบริโภคเนื้อหมูปรุงสุกได้ก็จะดีต่อสุขภาพ 
          สำหรับอาการเบื้องต้นของผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดหมูเป็นลักษณะไข้หวัด และมีอาการปวดเมื่อยตามกระดูกที่รุนแรง แต่ความรุนแรงยังไม่เท่ากับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนก ซึ่งดูได้จากตัวเลขของผู้ป่วยที่พบอยู่ในประเทศแม็กซิโกประมาณ 1,400 ราย เสียชีวิตแล้วประมาณ 81 ราย อัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อไข้หวัดนกถ้าแพร่ระบาดอยู่ในคนอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 60 
 

          ทางการแคนาดาเปิดเผยว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส H1N1 หรือ ไข้หวัดหมู 6 คนภายในประเทศ ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่กำลังแพร่ระบาดในเม็กซิโก และคาดว่าจะจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีก

 

          สัตวแพทย์ยันเนื้อหมูในไทยกินได้

 

          น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช ผู้เชี่ยวชาญไข้หวัดหมู ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ไข้หวัดหมูในเมืองไทยมีอยู่แล้ว และโชคดีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่รุนแรงเท่ากับเม็กซิโก ประกอบกับระบบการเลี้ยงหมูของบ้านเราดีกว่า ไม่มีการเลี้ยงต่างสายพันธุ์จึงลดโอกาสผสมผสานของเชื้อได้ ประกอบกับไม่มีการทำวัคซีนหมู ส่วนไข้หวัดหมูเม็กซิโกในบ้านเรายังไม่มี ซึ่งไข้หวัดหมูเม็กซิโกเกิดจากกลายพันธุ์ที่มีการผสมผสานยีนต์ต่างๆ

 

          น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ กล่าวต่อว่า ไข้หวัดหมูเม็กซิโก คาดว่าจะมีเชื้อหวัดนกและหวัดคนไปสู่หมู และจากคนสู่คน กลายเป็นคนเป็นพาหะที่เป็นจุดสำคัญ ซึ่งจุดแรกที่สังเกตได้คือ อาการจะเหมือนไข้หวัด และคนงานส่วนใหญ่ที่เลี้ยงหมูในอเมริกาจะเป็นชาวเม็กซิโก เมื่อคนงานเหล่านี้กลับไปเม็กซิโกอาจมีภูมิต้านทานไม่ดี การรักษาไม่ค่อยดี ต่างจากอเมริกาที่เป็นแล้วหายเพราะมีการรักษาทันท่วงที และมีสุขอนามัยที่ดีกว่า

 

          ส่วนความต่างระหว่างไข้หวัดหมูกับไข้หวัดนกนั้น ไข้หวัดนกจะไปทุกระบบของร่างกาย แต่หวัดหมูจะไปเฉพาะทางเดินลมหายใจ เมื่อลมหายใจล้มเหลวก็ตายได้ ทั้งนี้การรับประทานเนื้อหมูไม่มีปัญหาที่น่ากลัว เพราะจะเกิดจากคนในการแพร่โรค ที่เดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยเฉพาะจุดที่มีความเสี่ยง สำหรับหมูที่เป็นไข้หวัดหมูจะมีอาการจาม มีน้ำมูก 2 - 3 วันจะหายป่วยไม่เกินสัปดาห์ ยกเว้นมีการแทรกซ้อนจากอาการอื่น หรือสัตว์ตัวนั้นไม่เคยมีภูมิมาก่อน

 

          คาดระบาดหนักสุดรอบ41ปี

 

          ภาพ:AFPองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ไข้หวัดหมูที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากเม็กซิโก ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยในเม็กซิโกเสียชีวิตแล้ว 81 คน และคาดว่าการแพร่ระบาดจะรุนแรงที่สุดในรอบ 41 ปี ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (UN) จัดประชุมวาระเร่งด่วนและกำลังประเมินสถานการณ์ว่าควรจะเพิ่มการประกาศเตือนเฝ้าระวังไวรัสไข้หวัดหมูทั่วโลกหรือไม่

 

          ภาวะตื่นตระหนกเรื่องไข้หวัดหมูส่งผลให้รัฐบาลทั่วเอเชียตื่นตัวรับมือกับการแพร่ระบาด โดยทางการญี่ปุ่นสั่งให้เพิ่มการตรวจสอบอย่างเข้มงวดกับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเม็กซิโก ประเทศต้นเหตุการณ์ระบาด ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของญี่ปุ่นเรียกร้องให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และยืนยันว่ายาทามิฟลูสามารถรักษาอาการติดเชื้อได้ และญี่ปุ่นมียาดังกล่าวเพียงพอ

 

          ส่วนรัฐบาลเกาหลีใต้และไต้หวันสั่งให้ตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อ นอกจากนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ยังสั่งระงับการจำหน่ายเนื้อหมูจากเม็กซิโกและสหรัฐเป็นการชั่วคราว

 

          นอกจากนี้ จีน ฮ่องกง และอินโดนีเซีย ซึ่งเคยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของเชื้อไข้หวัดนก H5N1 กำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเริ่มการตรวจอย่างเข้มงวดตามสนามบินทุกแห่ง และรัฐบาลออสเตรเลียสั่งให้ประชาชนที่เดินทางกลับจากเม็กซิโกและมีอาการต้องสงสัย ให้รับการตรวจสอบจากแพทย์โดยด่วน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน

 

          สหรัฐเตือนภัยไข้หวัดหมู

 

          รัฐบาลสหรัฐประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมู (H1N1) ในสหรัฐและเม็กซิโกพุ่งสูงขึ้น พร้อมระบายยาทามิฟูลต้านไวรัสไข้หวัดหมูออกจากคลังสำรอง

 

          ดร.ริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการณ์ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เป็นผู้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทำเนียบขาวในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาประเทศไทย หลังจากรัฐบาลแคนาดายืนยันพบผู้ป่วย 6 ราย ขณะที่บราซิล ยุโรป และนิวซีแลนด์ พบผู้สงสัยติดเชื้อหลายคน ส่วนที่สหรัฐพบผู้ติดเชื้อแล้ว 20 รายใน 5 รัฐ และคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีก

 

          "เราประเมินสถานการณ์แล้วพบว่า การแพร่ระบาดจะรุนแรงขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐกำลังใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสุขภาพของประชาชน เราคาดว่าการให้คำแนะนำด้านการป้องกันจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะๆตามความรุนแรงของสถานการณ์" ดร.เบสเซอร์กล่าว

 

          การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของรัฐบาลสหรัฐมีขึ้นหลังจากทางการแคนาดาเปิดเผยว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส ไข้หวัดหมู 6 คนภายในประเทศ ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่กำลังแพร่ระบาดในเม็กซิโก และคาดว่าจะจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีก

 

          ด้านนางเจเน็ต นาโปลิทาโน รมว.กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐกล่าวว่า แม้ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสไข้หวัดหมู แต่ทางการสหรัฐได้ระบายยาต้านไวรัส รวมถึงยาทามิฟลูออกจากคลังสำรองประมาณ 25% แล้ว โดยยาทามิฟลูต้านไวรัสไข้หวัดหมูผลิตโดยบริษัท โรช โฮลดิ้งและแกล็คโซสมิธไคลน์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน

    

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

ที่มาภาพประกอบ: อินเทอร์เน็ต

 

พิมพ์ อีเมล