กลโกงหนี้นอกระบบ

เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.). จำนวนผู้ชม: 21585

หนี้นอกระบบ หนี้กลุ่มนี้ จะว่าไปแล้วก็คือ หนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เอารัดเอาเปรียบลูกหนี้ ประเภท กู้ 30,000 บาท แต่ในสัญญาเขียน 300,000 คิดดอกเบี้ยร้อยละ 120 ต่อปี อย่างที่เห็นโฆษณาเงินด่วนที่ปะอยู่ตามเสาไฟฟ้า หรือสะพานลอยพวกนั้นแหละ







เชื่อว่าคุณคงคุ้นเคยกับโฆษณาแบบนี้...

*...*...* ยินดีบริการเงินด่วน ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติภายใน 15 นาที รับเงินสดทันที *...*...*
เพียงท่านมีเงินเดือนผ่านธนาคาร ขั้นต่ำ 6,500 บาท ขื้นไป หรือ มีบัตรเครดิตทุกประเภท Visa , Master , Amex , Diner ( กู้ได้แม้วงเงินเต็ม ) และบัตรชื้อของทุกชนิด Aeon , Carrefour , Lotus , Bic c, First choice ,Powerbuy
อนุมัติวงเงินตั่งแต่ 5,000 - 300,000
-- ดอกเบี้ยต่ำมากๆ
-- รับเงินสดทันที (ไม่โอนเงิน ไม่จ่ายเช็ค)
-- อู่..06-0000000 ****โทรด่วน.... ทราบผล....รับเงินทันที ***
(ทางเรายินดีให้ผลประโยชน์ที่ดีทางการเงินแก่คุณ)


*****เงินด่วน***** รับซื้อ มือถือใหม่ ราคา 80-90% จากราคาเต็ม หรือรับซื้อบัตรกำนัลห้างฯ หรือบัตรของขวัญห้างฯ ให้ 90-95%
ยินดีรับซื้อมือถือใหม่ยังไม่ได้ใช้ หรือผู้ที่ต้องการเงินเพียงคุณมีมือถือที่ยังไม่ได้ใช้ และยังไม่แกะพลาสติกออก โทรมาหาได้ให้ราคา 80-90% จากราคาสินค้า
รับซื้อบัตรกำนัลห้างฯ หักเพียง 5-10% เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแลกของรางวัลห้างหรือสะสมแต้มบัตรเครดิตหรือถ้าต้องการหักเปอร์เซนต์ต่ำกว่านี้ สามารถโทรมาปรึกษาก่อนได้ ติดต่อ เลิก 01-5000000


***** เงินด่วน !! ฉุกเฉิน !! รับเงินสดทันที ไม่ยุ่งยาก ปลอดภัย 100% *****
- เพียงคุณมีบัตร เครดิตทุกชนิด Visa master amex diner ทุกธนาคาร ( แม้วงเงินเต็ม - ยังสามารถรูดได้ 100 บาท)
- บัตรผ่อนทุกชนิด Easy Buy, First Choice, Power Buy, Aeon, Central, Lotus, Big C
- ไม่มีบัตรกู้ได้ เอกสารไม่ยุ่งยาก ไม่ยึดบัตร ไม่ต้องค้ำ ผ่อนสบายๆ 6 - 48 เดือน ตามใจคุณ
- ดอกเบี้ยต่ำ 0.99% บริการถึงที่ โทรปรึกษาได้ครับ ((( ไม่ต้องเดินซื้อสินค้า )))
สนใจติดต่อคุณ พลุ 09-0000000


ไม่ว่า คุณจะเรียกมันว่า “เงินด่วน” “เงินกู้ด่วน” “เงินด่วนทันใจ” “สินเชื่อเงินสด” หรือ “เงินเอื้ออาทร” ไม่ว่าจะปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ ปิดประกาศตามเสาไฟฟ้า ตู้โทรศัพท์สาธารณะ และตามเว็บไซด์ต่างๆ มันกำลังเป็นธุรกิจทำเงินที่ดีที่สุดธุรกิจหนึ่งในขณะนี้

บริการ “เงินด่วน” ที่โฆษณากระจายตามสถานที่ต่างๆ เป็นธุรกิจของคนหัวใสที่เห็นช่องว่างระหว่างคนที่ร้อนเงิน และความหละหลวมของการอนุมัติบัตรต่างๆ

ไม่มีความจำเป็นที่ต้องแบกรับความเสี่ยงของหนี้นอกระบบ ไม่จำเป็นต้องลงทุนจากนักเลงไปข่มขู่หรือถึงขั้นรุมสกรัมลูกหนี้ เป็นเสือนอนกิน (ดอกเบี้ย) ล้วนๆ

เราไม่สามารถเรียกหนี้สินของบริการเงินด่วนเอื้ออาทรเหล่านี้ว่า หนี้นอกระบบอีกต่อไป เพราะมันได้เข้ามาอยู่ในระบบอย่างเต็มตัว

ขั้นตอนง่ายๆก็คือ ขอเพียงคุณมีบัตรต่างๆดังโฆษณาข้างต้น จะเป็นบัตรเครดิต หรือบัตรผ่อนสินค้าก็ได้ แล้วก็ไปรูดสินค้าตามที่ “เขา” สั่ง แล้วนำมารับเงินสดได้ทันที

ตัวอย่างเช่น น.ส.นัดดา ร้อนเงิน ต้องการ 100,000 บาทเพื่อไปใช้หนี้บัตรเครดิตอีก 5 ใบที่เป็นหนี้อยู่ จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปติดต่อนายพล ตามที่โฆษณาทางเว็บไซด์

นี่คือบทสนทนาจริง
น.ส.นัดดา – สนใจบริการเงินด่วนค่ะ ประมาณแสนนึง
นายพล - โหย...ทำไมเยอะจังพี่ ว่าแต่พี่ถือบัตรอะไรอยู่ครับ
น.ส.นัดดา - บัตรเครดิตของธนาคาร ก.อยู่ แต่เบิกเต็มวงเงินแล้ว
นายพล – แล้วมี “บัตรอีอ้อน” หรือ “แคปปิตัน โนเค” ไหมครับ
น.ส.นัดดา – ไม่เคยมีค่ะ
นายพล – แล้วบัตรเครดิตพี่ยังเบิกหรือใช้จ่ายให้มีสลิปได้อีกสักร้อยนึงไหมครับ
น.ส.นัดดา – คิดว่าได้ค่ะ
นายพล - งั้นพี่ไปเบิกให้มีสลิปเลยแล้วเอามาให้ผม
น.ส.นัดดา – แต่เบิกเต็มวงเงินแล้วนะคะ
นายพล – ครับพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวน้องจัดการให้เอง พี่เอาบัตรประชาชนมา บัตรเครดิต สลิป ผมจะสมัคร “บัตรอีอ้อน” หรือ “แคปปิตัน โนเค” ให้ ทีนี้ก็ขึ้นกับว่าเขาจะให้วงเงินเท่าไร ผมคิดว่าน่าจะได้นะครับเสียเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
น.ส.นัดดา – แค่นั้นเองหรือคะ แล้วจะได้เงินได้อย่างไร
นายพล - ก็เดี๋ยวผมคำนวณเงินให้ แล้วพี่ก็มาเอาเงินสดได้ที่ร้านผมที่ตึก...รัชดา
น.ส.นัดดา – เห็นเพื่อนบอกว่าต้องไปซื้อของแล้วเอามาให้คุณ อย่างนั้นใช่ไหมคะ
นายพล – เชยแล้วพี่ บริการของผมไม่ทำให้พี่ลำบากต้องไปซื้อของ เราไม่ต้องการให้ลูกค้าของเรายุ่งยาก เราจัดการให้เสร็จเลย ของร้านผมมีเยอะมาก ทำบิลได้ทุกมูลค่า
น.ส.นัดดา – แล้วพี่ต้องเสียดอกยังไง
นายพล – พี่ต้องการแสนนึงใช่ไหมล่ะ ก็ต้องซื้อของแสนสอง
น.ส.นัดดา – แบบนี้ก็เท่ากับคุณคิดดอก ร้อยละ 20 ซิ แหมเยอะจัง แล้วพี่จะผ่อนเงินที่เหลือให้คุณยังไง
นายพล – แหมก็พี่กู้เยอะนี่ครับ ส่วนเรื่องผ่อนคืนไม่ต้องห่วงครับ จะมีบิลไปที่บ้านพี่ทุกเดือน พี่ก็จ่ายตามนั้นจนครบก็จบกัน บัตรซื้อของพวกนี้เขาคิดแค่ 95 สตางค์ต่อเดือนเท่านั้น ถ้าพี่ไปกู้บัตรเครดิตเขาคิดตั้ง 3%
น.ส.นัดดา – หมายความว่าพี่ต้องไปจ่ายดอกของบัตรอีกต่อนึงหรือ
นายพล – ก็อย่างนั้นล่ะครับพี่ แต่มันเป็นหนี้ในระบบครับพี่ ไม่ต้องห่วงเรื่องตามทวง ตามทำร้าย สถาบันการเงินรับรอง ไม่มีปัญหาครับ


อย่างที่ “เขา” บอกนั่นแหล่ะ นี่คือ หนี้ในระบบล้วนๆ ไม่มีนอกระบบแม้แต่น้อย ส่วนดอกเบี้ย หรือที่เรียกว่า “ค่าบริการเงินด่วนเอื้ออาทร” จะขึ้นกับผู้ให้บริการว่า เป็นรายเล็กรายใหญ่ ตั้งอยู่ที่ไหนและสินค้าอะไร

ประเภทที่ให้ซื้อเหล้า เบียร์ บุหรี่ จากซุปเปอร์สโตร์ต่างๆ ดอกฯจะอยู่ราว 25% เนื่องจากทางห้างเริ่มจำกัดการซื้อ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายทอด เจ้าของเงินรายแรกได้ 20 % อีก 5 % คนวิ่งไปหาลูกค้าและพาลูกค้าไปซื้อของจะได้ไป

ประเภทที่ให้ซื้อโทรศัพท์มือถือ ค่อนข้างแข่งขันกันสูงมาก จะอยู่ประมาณ 12% - 15%
และที่กำลังมาแรงคือสินค้าไอที โดยเฉพาะ โน้ตบุ๊ค แต่ดอกฯค่อนข้างแพง อยู่ที่ 15% - 25% ข้ออ้างคือ ขายยากกว่า ธุรกิจประเภทนี้มีกระทั่งร้านทอง

รับประกันได้เลยว่าทุกห้างที่เป็นสถานที่ท็อปฮิตของสินค้าเหล่านี้ มีร้านค้าที่ทำกิจการเกี่ยวเนื่องกับบริการประเภทนี้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น มาบุญครอง, พันธุ์ทิพย์, ฟอร์จูน, เซียร์รังสิต ฯลฯ เช่น เป็นเอเย่นต์ให้กับบัตรเช่าซื้อสินค้าต่างๆ คอยบริการลูกค้าที่มีนายหน้าเงินด่วนมาส่งโดยรับค่านายหน้าไป หรือบางเจ้าเป็นเจ้าของกิจการเลย ต่างกันแต่เพียงว่าจะโจ่งแจ้งแค่ไหน บางเจ้ามีเงินทุนเป็นร้อยล้าน คนวิ่งเทคแคร์ลูกค้านับสิบยังบริการแทบไม่ทัน

ที่สำคัญอย่างในโฆษณา เดี๋ยวนี้ก้าวล้ำไปถึงขั้น ((( ไม่ต้องเดินซื้อสินค้า ))) กันแล้ว เพราะเจ้าของร้านค้าลงมือทำกันเอง ลูกค้าไม่ต้องไปแบกของเอาไปไว้หลังรถของผู้ให้กู้ แล้วรอรับเงินผ่านทาง Telebanking เพียงแค่ทำการซื้อสินค้า รูดบัตร รับใบเสร็จและรับเงินที่หักค่าบริการแล้วไปเลย สินค้าไม่ได้ถูกขยับเขยื้อนออกจากร้านแม้แต่น้อย

กระอักกันถ้วนหน้า
การดำเนิน “ค่าบริการเงินด่วนเอื้ออาทร” แบบไฮเทคที่ว่า ไม่เพียงทำให้ผู้กู้ต้องรับภาระ 2 ด้าน ทั้งค่าบริการเงินด่วน และค่าดอกเบี้ยบวกค่าธรรมเนียมมหาโหด (หากจ่ายช้า) จากเจ้าของบัตร มันยังส่งผลกระทบอื่นๆอีกมาก

เนื่องจากสินค้าถูกลดต้นทุน เพราะภาระส่วนหนึ่งไปตกกับผู้กับเงินด่วนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าโน้ตบุ๊คตัวหนึ่ง ราคา 100,000 บาท ผู้กู้เงินด่วนต้องจ่าย 120,000 บาท ต้นทุนโน้ตบุ๊คตัวนี้จะอยู่ที่ 80,000 บาท เจ้าของร้านสามารถเอากำไรได้นิดหน่อย เช่นตั้งราคาขายที่ 90,000 บาท ก็สามารถตีตลาดร้านอื่นๆได้แล้ว ตีได้แม้แต่ดีลเลอร์

จากธุรกิจดังกล่าว แม้แต่ดีลเลอร์ยังกระอักเลือด แทบไม่สามารถขายสินค้าได้เลย ช่วงแรกที่ธุรกิจประเภทนี้เริ่มบูม ดีลเลอร์ยังพอได้ประโยชน์บ้าง เพราะซื้อจากดีลเลอร์มาปล่อยร้านเล็ก แต่ในปัจจุบันร้านค้าขายเอง-ซื้อเอง

เจ้าของร้านคอมฯ ย่านรังสิตที่ไม่ได้เข้าร่วมธุรกิจนี้บ่นให้ฟัง
“ร้านเราไม่ค่อยได้ขายอะไรแล้วพี่ นานๆจะหลงมาสักที ลูกค้าที่ไหนก็อยากได้ของถูก เขาก็ไปร้านพวกนั้นหมด ใช้ชื่อร้านต่างๆกัน แต่เป็นเครือข่ายกันทั้งนั้น เรายังไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น มันเหมือนการทุจริต ไม่ได้ขายของจริงๆ ก็มีคำเตือนมาจากบริษัทบัตรว่า ต้องขายของจริงๆ ห้ามแลกเป็นเงินสด แต่ก็ยังเห็นทำกันอยู่ แต่ไม่โจ่งแจ้งเท่านั้น”

เมื่อเดินไปสอบถามที่ร้านที่ว่า ไม่มีใครให้คำตอบ แต่หนุ่ม ร้านขายเทปข้างๆให้ข้อมูลว่า “อ้าว เขาไม่ได้ให้บริการเงินด่วนแล้วหรือ เมื่อก่อนยังมีป้ายปิดอยู่เลย สงสัยว่าคงเอาป้ายออกไปแล้วมั้ง พี่ลองไปถามดูอีกทีซิ”

ไม่ไกลกันนัก หน้าตู้ชำระเงินด่วนสีม่วง คิวยาวเหยียด มีทั้งนักศึกษาที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง และผู้ใช้บริการซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีรายได้มากเท่าบิลจำนวนมากที่เขาถืออยู่ในมือ
บรรยากาศแบบนี้กำลังกระจายไปตามหัวเมืองใหญ่ๆ และอีกไม่ช้าก็คงครอบคลุมทุกหัวระแหง

อันตราย กู้เงินด่วน มีสิทธิติดคุก
ในการติดตามทวงหนี้ บ่อยครั้งที่มักจะมีการอ้างว่า หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้จะเอาตำรวจไปจับบ้าง จะดำเนินคดีอาญา เอาลูกหนี้เข้าคุกบ้าง ทำให้ลูกหนี้หลายรายที่ไม่รู้กฎหมายกลัวว่าจะถูกจับ จึงต้องดิ้นรนไปกู้หนี้มาจ่ายหนี้ จนกลายเป็นดินพอกหางหมู

หากได้รับคำขู่ในลักษณะนี้อย่าได้ตกใจ เพราะ การกู้เงินโดยปกติทั่วไป การผิดนัดชำระหนี้ เป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา ไม่ต้องกลัวติดคุกติดตะราง “กรณีที่จะต้องเสี่ยงคุกตะรางก็คือ ไปจ่ายเช็คเด้งให้เจ้าหนี้” กับอีกกรณีที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษก็คือ การไปกู้เงินด่วนนอกระบบ ประเภทที่ติดโฆษณาตามเสาไฟฟ้า ตู้โทรศัพท์ ว่ากู้ปุ๊บ ได้เงินปั๊บ หากมีบัตรผ่อนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ

วิธีการของธุรกิจหนี้นอกระบบพวกนี้ ก็คือ เมื่อลูกหนี้ที่เดือดร้อนต้องการใช้เงินสดด่วน ติดต่อไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่โฆษณาไว้ เจ้าหนี้ก็จะนัดหมายให้ไปพบเพื่อทำการกู้ยืมเงิน โดยสถานที่นัดพบมักจะเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือขายโทรศัพท์มือถือ

เบื้องต้น เจ้าหนี้ก็จะขอหมายเลขบัตรผ่อนสินค้า เพื่อตรวจสอบเครดิตที่ลูกค้าได้รับและยอดเงินคงเหลือ ตัวอย่างเช่น ลูกหนี้ต้องการเงินสดสัก 20,000 บาท ถ้ามียอดเงินคงเหลือที่บริษัทบัตรสินเชื่อ A อนุมัติให้ได้อยู่ที่ 30,000 บาท เจ้าหนี้ก็จะให้ลูกหนี้ทำสัญญา แต่แทนที่จะเป็นสัญญากู้ยืมเงินกันธรรมดา เจ้าหนี้พวกนี้กลับให้ลูกหนี้ทำสัญญาเช่าซื้อสินค้าแทน

เนื้อหาในสัญญาจะระบุว่าลูกหนี้ได้เช่าซื้อสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งในร้านไปในราคา 30,000 บาท โดยมีบริษัทบัตรสินเชื่อ A เป็นผู้ให้เช่าซื้อ และลูกหนี้มีหน้าที่ต้องผ่อนค่าเช่าซื้อเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 10 เดือน ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีการเช่าซื้อสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น

หลังจากทำสัญญาเช่าซื้อเรียบร้อย เจ้าหนี้ก็จะมอบเงินสดให้ลูกหนี้ 20,000 บาท หักไว้ 10,000 บาท เป็นค่าดำเนินการและดอกเบี้ยล่วงหน้า 10 เดือน ซึ่งคำนวนแล้วลูกหนี้ต้องจ่ายดอกเบี้ยส่วนนี้ สูงถึงร้อยละ 50 ในช่วงเวลาแค่ 10 เดือน

จากนั้น ลูกหนี้ก็มีหน้าที่ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อกับบริษัท A ทุกเดือน ถ้าผ่อนครบก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าลูกหนี้เกิดหมุนเงินไม่ทัน ขาดส่งค่าเช่าซื้อสัก 2-3 งวด บริษัท A ก็จะเริ่มทวงสินค้าคืน ถึงตรงนี้ลูกหนี้ก็อาจจะงงว่าเคยไปเช่าซื้อสินค้าอะไรกับบริษัท A เพราะสินค้าหน้าตาเป็นยังไงก็ไม่เคยเห็น เห็นแต่สัญญาเช่าซื้ออย่างเดียว แล้วจะเอาสินค้าที่ไหนไปคืนบริษัท

จุดนี้เองที่ ลูกหนี้มีโอกาสเสี่ยงที่จะต้องติดคุก เพราะการเช่าซื้อ ตามหลักกฎหมาย ตราบใดที่ผู้เช่าซื้อยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ก็ยังเป็นของบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ ส่วนผู้เช่าซื้อเป็นได้แค่ผู้ครอบครองและมีสิทธิใช้สอยทรัพย์เท่านั้น ดังนั้น หากไม่มีสินค้าไปคืน บริษัท ก็จะแจ้งความดำเนินคดีอาญาในข้อหายักยอกทรัพย์

ในมุมของเจ้าหนี้ การปล่อยกู้ในลักษณะนี้ แทบจะไม่มีความเสี่ยงเลย เพราะเงินที่ให้ลูกหนี้กู้ไปก็เป็นเงินของบริษัทสินเชื่อ และถ้าจะมีปัญหาเบี้ยวหนี้กันภายหลัง ก็เป็นเรื่องที่บริษัทสินเชื่อจะไปตามทวงหนี้กับลูกหนี้เองตามสัญญาเช่าซื้อที่ทำขึ้นมาหลอก ๆ เจ้าหนี้นอนกินดอกเบี้ยอย่างเดียว ดังนั้น เราจึงเห็นโฆษณาให้กู้เงินด่วนในลักษณะนี้อยู่ทั่วทุกหัวถนน

อย่างไรก็ตาม แม้การปล่อยกู้แบบนี้จะทำเงินได้มากและง่าย แต่ก็เป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เป็นนิติกรรมอำพราง เพราะเจตนาจริง ๆ คือสัญญากู้เงิน แต่อำพรางด้วยสัญญาเช่าซื้อสินค้า ที่ฝ่ายผู้ให้กู้ได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 50 % ในช่วงเวลา 10 เดือน ซึ่งการกระทำเช่นนี้เจ้าหนี้จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475

เรื่องนี้จึงเป็นนิติกรรมอำพราง เพราะเจตนาจริง ๆ คือสัญญากู้เงิน แต่ถูกอำพรางด้วยสัญญาเช่าซื้อสินค้า ที่ฝ่ายผู้ให้กู้ได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 50 % ในช่วงเวลา 10 เดือน ซึ่งการกระทำเช่นนี้เจ้าหนี้จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 ซึ่งทางคณะกรรมการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบระดับชาติ ก็กำลังติดตามจัดการกับเจ้าหนี้นอกระบบกลุ่มอยู่เช่นกัน

พิมพ์