ก๊าซพม่าซ้ำรอยเดิม หยุดจ่ายกะทันหัน ไทยต้องหันซื้อมาเลเซียแก้ขัดแทน
นายวิรัช กาญจนพิบูลย์ รองผู้ว่าการกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อมและโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ขาดเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในการผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นหลาย ครั้ง จากแหล่งก๊าซเจดีเอ-18 ในอ่าวไทยและแหล่งก๊าซเยตากุนของพม่า
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้กฟผ. ต้องปรับแผนการผลิตไฟฟ้าแบบกะทันหันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับ โดยซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซีย 150 เมกะวัตต์ คิดเป็นเงิน 2.7 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้เดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังน้ำที่เขื่อนรัชชประภาเพิ่ม และโรงไฟฟ้าน้ำมันเตาที่ จ.ราชบุรี
นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ รองผู้ว่าการฝ่ายผลิตไฟฟ้า กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าภาคใต้และของประเทศ ทำให้กฟผ.ต้องปรับแผนการผลิตไฟฟ้าใหม่ เพิ่มการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี 240 เมกะวัตต์
ตลอดจนการซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียมาเสริมระบบ รวมทั้งเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันเตาที่ โรงไฟฟ้าราชบุรี 4 แสนลิตร เพื่อ รักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศและรองรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“กฟผ.ต้องบริหารเชื้อเพลิงด้วยความระมัดระวังไม่ให้เกิดปัญหาไฟดับ และไม่ให้เกิดปัญหากรณีเดียวกับเขื่อนกาญจนบุรี วิธีที่ทำได้เร็วคือซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซีย แม้จะมีต้นทุนแพงเฉลี่ยหน่วยละ 5 บาท จากปกติอยู่ที่ 2-3 บาท/หน่วย” นายสุทัศน์ กล่าว
นสพ.โพสต์ทูเดย์ 16/09/52