ระวัง"ถั่วเหลืองจีเอ็มโอ" ก่อ22โรคร้ายในห่วงโซ่อาหาร

เขียนโดย ศูนย์ข่าวผู้บริโภค. จำนวนผู้ชม: 33041

591011 been
แพทย์สมาคมเซลล์ฯ เผยงานวิจัยจากอเมริกา หลังทั่วโลกพบ"สารไกลโฟเสท" ปริมาณสูงใน"ถั่วเหลืองจีเอ็มโอ"ก่อให้เกิดโรคร้าย 22 โรค ชี้ไทยนำเข้า 5 ล้านตันต่อปี จี้รัฐเร่งหาทางออกจากการปนเปื้อนสารพิษด่วน!  

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. นพ.สมนึก ศิริพานทอง กรรมการสมาคมเซลล์บำบัดไทย เปิดเผย "เดลินิวส์ออนไลน์" ว่า ตนได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อค้นหาสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ว่าเกิดจากอะไร จึงค้นคว้าข้อมูลแล้วพบงานวิจัยที่มีการประกาศตีพิมพ์ไปทั่วโลก เมื่อปี 2014 จาก ดร.สวันสัน และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา (University of Oklahoma) เรื่องพืชจีเอ็มโอกับการใช้สารไกลโฟเสท (Glyphosate) และสุขภาพของคนอเมริกันที่เสื่อมโทรมลง

ทั้งนี้ในงานวิจัยระบุว่า ทางทีมงานได้ตรวจสอบย้อนหลังไปตั้งแต่เริ่มมีการใช้ถั่วเหลืองจีเอ็มโออย่างเป็นทางการเมื่อปี 1996 จนถึงปัจจุบันพบว่าสอดคล้องกับการเกิดโรคสมัยใหม่ 22 กลุ่มโรคเพิ่มขึ้น อาทิเช่น โรคความดันโลหิตสูง อัมพาต เบาหวาน อ้วน ไขมันในเลือดสูง อัลไซเมอร์ สมองเสื่อม พาร์กินสัน หลอดเลือดในสมอง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ออทิซึ่ม ลำไส้แปรปรวน การติดเชื้อในลำไส้ อุจจาระร่วง และไตวาย

นพ.สมนึก ระบุต่อว่า ตัวถั่วเหลืองจีเอ็มโอเป็นพืชที่ไม่มีอันตราย แต่เป็นพืชที่มีการตัดต่อพันธุกรรมเพื่อให้ทนต่อการใช้สารไกลโฟเสท ซึ่งเป็นสารปราบวัชพืช แต่ว่ามันจะดูดซึมสารนี้เข้าไปในเนื้อของถั่วเหลืองเอง ทำให้สารพิษนี้ปนเปื้อนในอาหารของมนุษย์ และเกิดโรคต่าง ๆ ตามมา จากเดิมที่เคยเข้าใจกันว่าโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์ที่ไม่ดี เช่น กินหวานและเค็มมาก แต่จริงๆ สาเหตุหลักที่นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้พบ คือเกิดจากสารเคมีซึ่งเป็นยาปราบศัตรูพืชตกค้างอยู่ในพืชจีเอมโอ

สำหรับการปลูกถั่วเหลืองจีเอ็มโอ มีการปลูกอยู่ 3 ประเทศ คือ บราซิล อาร์เจนตินา และสหรัฐอเมริกา และส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก สำหรับประเทศไทยมีการนำเข้าถั่วเหลืองจีเอ็มโอ 5 ล้านตันต่อปี ในขณะเดียวกันเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยังพบว่าประเทศจีนมีการตื่นตัวจากงานวิจัยนี้ด้วย เพราะเป็นประเทศที่กินถั่วเหลืองจำนวนมาก จึงนำถั่วเหลืองจีเอ็มโอที่นำเข้า ไปทดสอบ ปรากฏว่าพบว่าสารไกลโฟเสทตกค้างจริง จากนั้นตรวจในน้ำมันถั่วเหลืองและซีอิ๊วขาว ก็พบว่ามีสารไกลโฟเสทตกค้างเช่นกัน ทำให้ทราบว่าทุกห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ถูกสารไกลโฟเสทแทรกซึมเข้าไปหมดแล้ว

นพ.สมนึก กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกยังได้ทำหนังสือส่งไปยังรัฐบาลของประเทศจีน ขอให้ควบคุมการผลิตสารไกลโฟเสท เพราะเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และองค์การอนามัยโลกก็ออกมายอมรับว่าสารไกลโฟเสท เป็นสารที่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง สำหรับประเทศไทยหลังจากทราบข้อมูล ตนได้มีการประสานข้อมูลไปยังกระทรวงสาธารณสุข และคณะแพทยศาตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีแล้ว ขณะนี้กำลังศึกษาข้อมูลอยู่ จึงอยากให้ประชาชนทราบและมีสิทธิ์เลือกรับประทานอาหารที่ปลอดภัยด้วยตัวเอง เช่น เลือกกินพืชออร์แกนิก ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าแต่ก็เพื่อสุขภาพที่ดีปลอดภัยจากโรคต่าง  

พิมพ์