ข่าว/บทความรถโดยสาร

เคยใช้หรือยัง TAXI OK กรมขนส่งฯ ได้ยกระดับความปลอดภัยและบริการของแท็กซี่ไทย

taxi ok
กรมการขนส่งทางบก ยกระดับคุณภาพแท็กซี่ไทย เปิดโครงการ TAXI OK พัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างมืออาชีพด้วยแอพพลิเคชั่นเรียกรถผ่านสมาร์ทโฟน

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ TAXI OK และ TAXI VIP เพื่อยกระดับความปลอดภัยและการให้บริการของแท็กซี่ไทย ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา กำหนดให้รถแท็กซี่จดทะเบียนใหม่ทุกคันติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบเพื่อความปลอดภัย ประกอบด้วย GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ ปุ่มฉุกเฉิน กล้องบันทึกภาพในรถ และเข้าสังกัดกับศูนย์บริการสื่อสารรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) ซึ่งเชื่อมต่อข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการแท็กซี่ด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก พร้อมอำนวยความสะดวกในการเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ผ่าน Applicationเปิดกว้างให้เรียกรถแท็กซี่ในโครงการ TAXI OK ได้ทุกคัน

ทันทีที่มีการใช้บริการเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่น ข้อมูลของรถจะถูกส่งไปยังศูนย์บริการสื่อสารฯ และจะถูกส่งต่อถึงกรมการขนส่งทางบกแบบ Real-time จนสิ้นสุดการเดินทาง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับความปลอดภัย ได้รับการคุ้มครองและช่วยเหลือจากผู้ให้บริการและภาครัฐได้อย่างทันท่วงที ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพให้ผู้ขับรถแท็กซี่ เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงผู้โดยสารได้มากยิ่งขึ้น

มีผู้โดยสารใช้บริการแล้ว โดยโพสต์ข้อความผ่าน เฟสบุ๊คชื่อ Monsicha Rungchawannont โพสต์ว่า
วันนี้โบกรถแท็กซี่หน้าตาประหลาด พอขึ้นมาเลยบอกพี่คนขับว่าไฟสวยจังค่ะ ดูเป็นมิตร พี่เขาก็ขำแล้วบอกว่ามันเป็นนโยบายใหม่ของขนส่งเขา รถรุ่นใหม่ที่ขึ้นทะเบียนต้องใช้ไฟสีเขียว ติดกล้องหน้า มีจีพีเอส และที่เด็ดคือมีปุ่ม sos ให้กดด้วยค่ะ! พอกดปุ๊ปสัญญานจะถูกส่งไปที่ศูนย์เลย

คนนั่งฟังแล้วตื่นเต้นมากแต่พี่คนขับไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ บอกตั้งแต่ขับมาไม่ค่อยมีคนกล้าโบกเลย เพราะไม่เหมือนชาวบ้าน หลายครั้งเห็นเขาไม่โบกรถเราแต่ไปโบกคันหลังก็น้อยใจเหมือนกัน ขนส่งเขาก็ไม่ช่วยโปรโมทเลย พอบอกว่าขอกลับไปใช้ไฟว่างสีแดงได้มั้ยเขาก็ไม่ให้...

นี่ก็เลยมาช่วยโปรโมทให้เลย! ใครเจอรถไฟว่างสีเขียวโบกได้นะคะ เป็นรถรุ่นใหม่ ในกรุงเทพฯ เพิ่งมีร้อยกว่าคันเองค่ะ พี่คนขับน่ารักมากอยากให้มีคนเรียกรถพี่เยอะๆ
taxi ok2

ภาพประกอบจาก facebook Monsicha Rungchawannont
อ้างอิงข้อมูลจาก facebook กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News

พิมพ์ อีเมล